เป็นเวลากว่า 20 ปี ที่ฉันไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่เพื่อหากินเลี้ยงปากท้องและวิ่งตามกระแสสังคม เพราะความเชื่อของคนในท้องถิ่นที่ว่า ถ้าอยากทำงานแล้วได้เงินเยอะ ๆ ต้องเข้าไปทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อกับอายุของฉันที่มากขึ้นทุกวัน และประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น ความคิดความอ่านจึงแตกต่างไปจากความเชื่อแบบเดิม ๆ ที่เคยได้รับ
ฉันเริ่มอยากเดินออกจากอาชีพงานประจำ แล้วไปแหวกว่ายอยู่ในโลกของธุรกิจ และธุรกิจแรกทีฉันเลือกคือการใช้ที่ดินเปล่าในสวนหลังบ้านที่ อ.ท่าลี่ จ.เลย มาสร้างเป็นธุรกิจโรงแรมบูติกขนาดเล็ก แต่เพราะความอ่อนด้อยในเชิงธุรกิจและหลักยึดการทำธุรกิจที่ว่า สร้างเสร็จแล้วเดี๋ยวก็มีลูกค้าเอง ทำให้ต้องบาดเจ็บไปอีกนาน
คลิกอ่านต่อ ที่นี่
หลังจากก่อสร้างโรงแรมเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว ปรากฏว่า การเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น ต้องใช้ความรู้และทักษะความสามารถมากกว่าทำงานประจำสิบเท่า เพราะงานประจำนั้นเมื่อถึงสิ้นเดือนคุณก็ได้รับค่าจ้าง ไม่ว่าผลงานของคุณจะออกมาเป็นแบบไหนก็ตาม แต่เมื่อคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ รายได้ของคุณจะขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถในการตลาด การขายบวกกับความสามารถในการบริหารจัดการทั้งต้นทุนและแรงงาน และไหนจะยังมีดอกเบี้ยและเงินกู้ยืมอีก
ผ่านมาตอนนี้ก็ 7 ปีแล้ว จากที่เริ่มต้นธุรกิจแบบงู ๆ ปลา ๆ และพยายามผ่านบททดสอบบทแล้วบทเล่าจนทุกอย่างเริ่มตกตะกอน ฉันเชื่อว่าทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนแต่อยากมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น บนเส้นทางสายอาชีพของตัวเอง และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของฉันทำให้ได้เรียนรู้ว่า การดำเนินชีวิตที่แสนเรียบง่านนั้น คือเส้นทางสู่ความสุขอย่างแท้จริง
ฉันเริ่มใช้เวลาว่างมานั่งเขียนบทความแบ่งปันความรู้เรื่องการทำธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก ไว้บน www.a-lisa.net เพื่อให้คนที่สนใจธุรกิจนี้ได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ เพราะเล็งเห็นว่าการท่องเที่ยวคือธุรกิจหลักของคนไทยรองจากอาชีพเกษตรกรรม
และเมื่อได้มีเวลาเหลียวมองประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง ทำให้ฉันเริ่มมองเห็นคุณค่าของความเป็นไทยหลาย ๆ อย่างรอบตัว จนนึกสนุกอยากเปลี่ยนตัวเองจากคนเขียนบล็อกธรรมดากลายมาเป็นนักเขียนนวนิยายดูบ้าง
แล้วโครงเรื่องของนวนิยายเรื่อง “เมี่ยงคำ” ก็ถูกร่างขึ้นในคืนวันหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะเก็บบันทึกเรื่องราวของศิลปะวัฒนธรรมประเพณีไทยที่สาปสูญไปแล้วและใกล้จะสาปสูญไว้ในหนังสือเล่มนี้ และอานิสงค์ที่ฉันได้รับจากหนังสือเล่มนี้ คือการได้เรียนรู้คุณค่าของศิลปะวัฒนธรรมไทยเมื่อครั้งอดีตมากขึ้น ผ่านเรื่องราวบนลวดลายของการทอผ้า การแต่งกายเพื่อบ่งบอกอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น วัฒธรรมการอยู่และการกินที่มีเอกลัษณ์เฉพาะตัว
ฉันจึงตั้งใจว่าจะขอเป็นส่วนหนึ่งในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์ความเป็นไทยในแบบฉบับท้องถิ่นเอาไว้ ด้วยการอนุรักษ์ผ้าโบราณและสวมใส่ผ้าซิ่นโบราณของท้องถิ่น การเก็บสะสมของเก่าของโบราณเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้วิถีชิวิตของคนไทยสมัยโบราณ การนำสมุนไพรไทยมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สบู่ เจลอาบน้ำ ยาสระผมและอาหาร เพื่อส่งเสริมรายได้ให้เกษตกรไทยและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเพื่อผู้บริโภค
ฉันหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างประโยชน์ สร้างคุณค่า ช่วยผลักดันให้สังคมมีคุณภาพที่ดีขึ้นและส่งมอบความสุขให้กันถ้วนหน้า จนสามารถหลีกพ้นการใช้ชีวิตอย่างกดดันในสังคมที่มุ่งเน้นแต่ด้านวัตถุเพียงอย่างเดียว แต่มีความสุขมากขึ้นเพราะได้ทำในสิ่งที่รักจากหัวใจอย่างแท้จริง
บันทึกความทรงจำ 6/7/2020
เอลิษา ไทยสิทธา
“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
หากคุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
มาร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันกับหลักสูตร เจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็ก ใคร ๆ ก็เป็นได้
คอร์สอบรมที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมได้ ภายใน 2 วัน
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ
