
ตั้งแต่เกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 เชื้อโรคตัวเล็ก ๆ แต่ทำให้อะไร ๆ หลายอย่างบนโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อความอยู่รอดมันจึงจำเป็นมากที่ทุกคนจะต้องปรับตัวเหมือนกับไดโนเสาร์ต้องยอมลดตัวมาเป็นจิ้งจกตุ๊กแกและแย้ ถึงจะอยู่รอดในโลกปัจจุบัน และต้องรู้เท่าทันสถานการณ์เพื่อคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์หลายสำนักและเห็นพาดหัวข่าวว่าหลาย ๆ ธุรกิจโรงแรม ตั้งแต่ระดับ 3 ดาวถึง 5 ดาวพากันประกาศขายกันโครม ๆ เพราะทนพิษเศรษฐกิจที่เจ้าเชื้อไวรัสโคโรน่าช่วยกันกัดกร่อนทำลายไม่ไหว ก็รู้สึกเศร้าใจจริง ๆ ค่ะ แต่ที่เศร้าใจมากที่สุด คือพวกนายทุน นอมินีและนายหน้าจากต่างชาติที่พากันดาหน้าเข้ามากว้านซื้อแถมยังกดราคาลงอีก 50% ด้วย ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่แบกรับไม่ไหวก็คงจะต้องยอมจำนน
แสดงเนื้อหาเพิ่ม คลิกที่นี่
แต่ทุกอย่างก็มีขึ้นมีลงเป็นวัฏจักรของมัน ภาคธุรกิจท่องเที่ยวก็เช่นกันไม่มีทางที่เส้นกราฟจะพุ่งทะยานขึ้นไปในแนวบวกเสมอไป เมื่อถึงวาระหนึ่งมันก็ต้องมีปัจจัยที่ทำให้เส้นกราฟหยุดนิ่งและพุ่งดิ่งลง รอบนี้คือโรคระบาด แต่รอบหน้ามันอาจจะเป็นสงครามโลกครั้งที่สาม ภัยธรรมชาติ ก่อการร้าย ภัยการเมือง ฯลฯ อะไร ๆ มันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ในเมื่อเรามีโอกาสได้เกิดมาบนโลกใบนี้แล้วมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกับสภาวะวิกฤติในช่วงชีวิตของเรา สิ่งที่เราจะต้องทำก็คืออดทนให้มากที่สุดเพื่อรอวันที่เส้นกราฟมันจะกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง เรียนรู้จากมันและใช้มันเป็นบทเรียนเพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตครั้งต่อไปค่ะ
ในยุค New Normal ที่อะไรหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่เว้นแม้กระทั่งวิธีการท่องเที่ยวแบบใหม่ และมันก็ทำให้เกิดคำศัพท์ใหม่ขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวแบบ New Normal และฉันคิดว่าคำศัพท์พวกนี้เจ้าของธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็กควรจะรู้ไว้เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ค่ะ
SHA ย่อมาจาก Amazing Thailand Safety & Health Administration
แปลเป็นไทยว่า โครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย จัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับกรมควบคุมโรค โดยนำมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขและมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพของสถานประกอบการ เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการของสถานประกอบการหนึ่งๆ ซึ่งจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการได้ในอนาคต และยังเป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งต่อไปนี้ ตามโรงแรมจะต้องมีตราสัญลักษณ์ SHA แสดงไว้ เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพัก
กิจการที่ขอรับรองมาตรฐาน SHA ได้แก่
- ภัตตาคาร/ร้านอาหาร 2. โรงแรม/ที่พัก และสถานที่จัดประชุม 3. นันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยว 4. ยานพาหนะ 5. บริษัทนำเที่ยว 6. สุขภาพและความงาม 7. ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า 8. กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว 9. โรงละคร โรงมหรสพและการจัดกิจกรรม และ 10. ร้านค้าของที่ระลึกและร้านค้าอื่นๆ
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาประกอบด้วย
- สถานประกอบการ และบริการการท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติตามแนวทางการควบคุม COVID-19 อย่างเคร่งครัดตามที่กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขกำหนด
- ต้องมีความปลอดภัยของสถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมแผนการพัฒนาหรือขั้นตอนการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่น และส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างชุมชนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยว
- สุขอนามัย และสุขาภิบาลในสถานประกอบการ และบริการการท่องเที่ยว เช่น โฮมสเตย์ บ้านพัก ร้านค้าของที่ระลึกและร้านอาหาร
- มีความสะดวกสบายความสะอาดและความปลอดภัยของการเชื่อมโยงระหว่างชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยวรวมถึงมีมาตรฐานความปลอดภัยและมาตรฐานการดูแลด้านสุขภาพของการขนส่งรถยนต์ส่วนตัวรถโดยสารสาธารณะและสายการบิน
- ความเชื่อมั่นในบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในสถานประกอบการการท่องเที่ยวรวมถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
หากต้องการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ SHA เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่อได้ที่ https://thailandsha.tourismthailand.org
Travel Bubble
คือการจัดการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ในยุคการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ โดยการจับคู่ด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศที่มีความมั่นใจในความปลอดภัยของโรค Covid-19 โดยจะมีการตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลของแต่ละประเทศในการในการให้สิทธิพิเศษของการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศคู่เจรจาได้โดยไม่ต้องถูกกักตัว 14 วัน เพียงแค่มีหนังสือตรวจโรคหรือวิธีการป้องกันตามที่ตกลงกันในแต่ละประเทศ ตอนนี้มีหลาย ๆ ประเทศเริ่มนำแนวคิด Travel Bubble นี้มาใช้แล้วค่ะ ยกตัวอย่าง จีน-เกาหลีใต้ หรือออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่นก็กำลังอยู่ระหว่างเจรจาจับคู่กับไทย เป็นต้น
Virtual Tour
คือการท่องเที่ยวเสมือนจริง เป็นการเที่ยวแบบ Travel From Home ด้วยปลายนิ้วสัมผัสขอเพียงมีคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนคุณก็ไปเที่ยวได้ทุกที่ทั่วโลกแล้วค่ะ Virtual Tour ถูกพัฒนามาจากเทคโนโลยีเสมือนจริงที่ใช้ในวีดิโอเกมและเริ่มนำมาใช้ส่งเสริมการท่องเที่ยวข้อดีของการท่องเที่ยวแบบ Virtual Tour นี้ทำให้นักท่องเที่ยวได้มีประสบการณ์ท่องเที่ยวล่วงหน้าก่อนจะได้เดินทางไปสัมผัสสถานที่จริงโดยไม่ต้องลุกขึ้นจากโซฟาบ้าน และยังได้เข้าไปท่องเที่ยวยังสถานที่ที่ถือว่ามีความอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมมากเกินไปจนไม่สามารถอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสถานที่จริงได้ ปัจจุบันมีหลายประเทศที่ได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ เช่น แคนนาดาได้พัฒนาทัวร์ VR ใน Great Bear ที่เป็นเขตป่าฝน และออสเตรเลียที่ได้ผลิตวีดิโอ VR จำนวนหนึ่งที่สามารถเข้าชมผ่านทางออนไลน์ได้ ซึ่งผู้ใช้จะได้สัมผัสกับบางส่วนของแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศค่ะ
ถ้าตอนนี้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมกำลังเหนื่อยกับปัญหาและวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญอยู่นี้ ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะเพราะว่าคุณไม่ได้เหนื่อยอย่างโดดเดี่ยว คนทั้งโลกตอนนี้ก็กำลังเป็นเช่นเดียวกับคุณ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือใครจะทนอดและอดทนได้มากกว่ากัน
“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
เพื่อแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
มาร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันกับหลักสูตร เจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็ก ใคร ๆ ก็เป็นได้
คอร์สอบรมที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมได้ ภายใน 2 วัน
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ
