362
.
หลายท่านคงอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสภาวะเศรษฐกิจที่มันรุมเร้า ในช่วงที่เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่กำลังระบาดทำร้ายผู้คนและทำลายเศรษฐกิจเช่นนี้ ฉันจึงอยากเขียนบทความขึ้นมาเพื่อแบ่งปันกำลังใจให้กับผู้อ่านบ้าง
โลกของเรากำลังเปลี่ยนแปลง บางคนก็รู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่บางคนก็ไม่รู้อะไรเอาเสียเลย ยังคงยึดติดกับความสำเร็จที่หอมหวานแบบเดิม ๆ อยู่ และเฝ้ารอว่าเมื่อไรความหอมหวานแบบนั้นจะหวนคืนกลับมาอีกครั้ง และถ้าคุณยังอยากมีรายได้ให้เพียงพอสำหรับปัจจัย 4 ในอีก5 ปีข้างหน้าก็ขอแนะนำให้คุณหลีกให้ห่างจากคนประเภทหลังเสียนะคะ
คลิกอ่านต่อ ที่นี่
ในตอนนี้คุณอาจจะเป็นพวกมนุษย์เงินเดือนอยู่ในบริษัทที่มั่นคงสักแห่ง แต่ในกาลข้างหน้าก็อาจมีสิ่งประดิษฐ์ที่มาทำงานแทนคุณได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและสุดท้ายบริษัทที่มั่นคงก็เลือกสิ่งประดิษฐ์นั้นแล้วปลดพนักงานออกจำนวนมาก ไม่มีอะไรที่แน่นอนในโลกที่โหดร้ายใบนี้
แต่ก็ช่างหัวโลกที่โหดร้ายใบนี้เถอะค่ะ เพราะไม่ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน รูปแบบเศรษฐกิจและโครงสร้างทางสังคมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่โลกยุคใหม่เอาจากคุณไปไม่ได้ นั่นก็คือ “ความคิด”
ในช่วงเวลาที่เกิดภาวะวิกฤติ คุณเคยสังเกตคนรอบตัวบ้างไหมค่ะ ว่าใครบางคนหรือคนส่วนใหญ่มักจมอยู่กับความตาขาวและไม่กล้าลงมือทำอะไรเลย แต่ตรงกันข้ามกับอีกบางคนที่ใจกล้าบ้าบิ่นลงทุนและลงเงินไปกับโอกาสที่คนอื่นยังมองไม่เห็น นั่นก็เพราะว่ามี “ความคิด” เป็นเครื่องชี้นำ
ความคิดที่เกิดขึ้นในหัวของคุณแต่ละวันนั้นเป็นผลที่เกิดจากสมองของคุณเอง แต่ความคิดนั้นจะมีประโยชน์หรือไร้ค่า ก็ต่อเมื่อคุณสานต่อมันให้เป็นรูปเป็นร่างและลงมือปฏิบัติจนเห็นผลลัพธ์ค่ะ เปรียบเหมือนต้นมะม่วงที่ออกดอกออกผลจำนวนมากเพียงพอจะนำไปปลูกได้อีกจนเต็มสวน แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีผลมะม่วงน้อยมากที่จะมีโอกาสได้เติบโตกลายเป็นต้นไม้ เพราะมันมักจะถูกผู้คนสอยเอาไปกินจนหมด ก่อนที่จะสุกงอมแล้วหล่นลงบนพื้นดิน กลายเป็นต้นอ่อนงอกขึ้นมาใหม่ เฉกเช่นเดียวกันกับความคิดของเรานั้น มีน้อยมากที่จะเกิดผล เพราะความคิดส่วนใหญ่ก็จะถูกทำลายไปหมดด้วยพลังของความคิดลบ คล้ายกับลูกมะม่วงที่ถูกสอยเอาไปกินเสียหมด ดังนั้นเราจึงต้องหาทางปกป้องความคิดของเราและเอาใจใส่จนมันเปลี่ยนไปเป็นวิธีปฏิบัติ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ต้องการค่ะ
3 วิธีการ ที่จะช่วยพัฒนาความคิดของคุณ
- อย่าปล่อยความคิดให้หลุดลอยไป ด้วยการเขียนลงบนกระดาษ วิธีนี้เป็นวิธีที่ฉันเองก็ใช้อยู่บ่อย ๆ และทำอยู่ทุกวันค่ะ เพราะความคิดดี ๆ จำนวนมากมักเกิดขึ้นและตายไปอย่างรวดเร็ว และความทรงจำก็เป็นทาสที่ไม่ซื่อสัตย์ที่จะพิทักษ์ความคิดใหม่ ถ้าคุณไม่อยากพลาดอะไรไปจากความคิดดี ๆ ที่ผุดขึ้นในหัว ขอแนะนำให้พกสมุดโน๊ตเล็ก ๆ ติดตัวอยู่เสมอค่ะ
- ทบทวนความคิดของคุณ อย่าลืมนำความคิดดี ๆ ที่คุณจดไว้ออกมาสำรวจอย่างสม่ำเสมอนะคะ เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะมีสติและเวลาทบทวนมากขึ้น แล้วคุณจะพบว่าความคิดบางอย่างนั้นล้ำค่าและโชคดีที่ได้จดมันเอาไว้ แต่บางความคิดนั้นกลับพบว่าไม่มีค่าเลยโดยเหตุผลบางประการ ก็ให้คุณกำจัดมันไปเสีย เก็บไว้แต่ความคิดดี ๆ ที่ยังมีค่าในอนาคตก็พอค่ะ
- เพาะปลูกและให้ปุ๋ยแก่ความคิดคุณ ประสานความคิดนั้นเชื่อมโยงกับความคิดอื่นที่เกี่ยวข้อง การสร้างภาพของความคิดลงในกระดาษ ความคิดจะถูกแปลงเป็นรูปร่างและคุณจะเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนขึ้น มองเห็นจุดอ่อน จุดแข็งต่าง ๆ และตรวจพบสิ่งที่จำเป็นในการขัดเกลาความคิด เช่นเดียวกับนักเขียนที่เก่งจะร่างโครงเรื่องก่อนลงมือเขียนเนื้อหารายละเอียด หรือสถาปนิกที่ต้องการออกแบบอาคารสักหลัง ก็จะเริ่มต้นด้วยการร่างแบบขั้นต้นก่อน
เมื่อร่างความคิดของคุณออกมาเป็นรูปแบบได้แล้ว จากนั้นคุณก็ต้องเตรียมตัว “ขายความคิด” ให้กับใครบางคน เช่น ลูกค้า เจ้านาย ลูกจ้าง เพื่อน ครอบครัว เพราะความคิดต้องมีคน “ซื้อ” ถึงจะมีคุณค่า และบุคคลที่คุณควรจะขายความคิดให้เป็นบุคคลแรกก็คือ ตัวคุณเอง
“ขายตัวคุณให้กับตัวคุณเอง” เพราะความสำเร็จมาจากการจัดการความคิดของตัวเองก่อน ถ้าคุณสงสัยในหลักการข้อนี้ ลองมองหาคนประสบความสำเร็จใกล้ ๆ ตัวคุณ หรือหาหนังสือของคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกมากอ่าน แล้วคุณจะพบคำตอบว่า คนสำเร็จพวกนั้นเขาคิดอย่างไรกับตัวเขาเอง
วิธีสร้างโฆษณา เพื่อขายตัวคุณให้กับตัวคุณเอง
- เฟ้นหาคุณสมบัติและจุดเด่นของคุณ อย่าอายที่จะอวยตัวเองถ้าเรามีดีเสียอย่าง
- เขียนข้อดีเหล่านั้นลงในกระดาษด้วยภาษาของคุณเอง เขียนให้ตรงที่สุดแล้วอ่านมันให้ตัวเองฟังอีกครั้ง โดยไม่ต้องแคร์ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับคุณ
- ฝึกพูดโฆษณาของคุณดัง ๆ ในห้องส่วนตัวกับกระจกอย่างน้อยวันละครั้ง เพื่อตอกย้ำเข้าไปในจิตใต้สำนึกว่าคุณเป็นคนที่เจ๋งแบบนี้จริง ๆ
- อ่านโฆษณาของคุณเงียบ ๆ วันละหลาย ๆ ครั้ง อ่านก่อนที่คุณจะต้องเผชิญหน้าและจัดการกับอะไรก็ตามด้วยความกล้าหาญ อ่านมันทุกครั้งเมื่อคุณรู้สึกแย่ และเก็บข้อความโฆษณาของคุณไว้ในที่หยิบใช้ได้สะดวก
หัวใจที่จะพิชิตสิ่งที่คุณต้องการ ขึ้นอยู่กับความคิดที่เป็นบวกและการกระทำของคุณนั้นก็ถูกควบคุมด้วยความคิดของคุณเอง ถ้าคุณอยากอยู่ในจุดที่สูงที่สุด คุณก็ต้องรู้สึกว่าอยากอยู่ในจุดนั้นจริง ๆ ฝึกซ้อมพูดโฆษณาขายตัวเองทุกวัน แล้วคุณจะรู้สึกใหญ่ขึ้นและเข็มแข็งขึ้น คุณเป็นคนอย่างที่คุณคิด หากคุณคิดว่าคุณคือคนที่ประสบความสำเร็จ คุณก็สำเร็จไปแล้ว
“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
เพื่อแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
➡ สมัครด่วน (รับจำนวนจำกัด)

มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ

Line ID: @a-lisa.net