
ย่าเป็นผู้หญิงรูปร่างเล็กเตี้ยบอบบาง ผิวหนังเหี่ยวย่นด้วยวัยชราอายุย่างเข้าหกสิบปีแล้ว และย่าก็เป็นคนปากไม่เคยว่างเพราะนอกจากบ่นคนนั้นทีคนโน้นทีแล้วแกยังชอบเคี้ยวใบไม้สีเขียวที่เปลี่ยนเป็นสีแดงทุกครั้งเวลาที่บ้วนน้ำลายใส่ลงในกระโถน แกชอบเคี้ยวใบไม้นั่นตลอดเวลาคล้ายกับว่ามันเป็นใบไม้วิเศษที่ทำให้แกอิ่มทิพย์
ย่ามีบรรพบุรุษเป็นพวกไทดำที่อพยพมาอยู่สยามประเทศตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ วันนี้ย่าจึงมาในชุดไทดำแบบโบราณท่อนบนสวมเสื้อแขนกระบอกตัดเย็บจากผ้าฝ้ายย้อมครามจนเป็นสีเข้มเกือบดำ คอกลม ผ่าหน้าติดด้วยกระดุมตีจากเงินเก่าเก้าเม็ดเรียงเป็นสองแถว มีผ้าฮ้างนมสีดำคลุมอยู่บนบ่าเพื่อป้องกันอากาศหนาวเย็น
แสดงเนื้อหาเพิ่ม คลิกที่นี่
ส่วนท่อนล่างใส่ ‘ผ้าซิ่นลายแตงโม’ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้หญิงเผ่าไทดำ มีลักษณะเป็นผ้าสามชิ้นนำมาเย็บต่อกัน ผ้าที่นำมาเย็บเป็นซิ่นลายแตงโมนั้นแฝงไปด้วยความหมายแห่งสัจธรรมของการใช้ชีวิตอย่างลึกซึ้ง ผ้าซิ่นส่วนที่หนึ่งเรียกว่า ‘หัวซิ่น’ เป็นผ้าสีดำล้วนปราศจากลวดลายแทนความหมายของดิน ทุกสิ่งล้วนเริ่มต้นมาจากดิน ต้นไม้พืชพรรณต่าง ๆ ล้วนเกิดจากดิน เลือดในร่างกายได้จากน้ำที่ไหลอยู่บนผืนดิน ทุกลมหายใจก็ได้มาจากดิน สุดท้ายแล้วทุกคนต้องตายกลับกลายเป็นดิน ผ้าซิ่นส่วนที่สองเป็นผ้าที่ต่อลงมาจากส่วนที่หนึ่งมีลวดลายที่เรียกว่า ‘ลายแตงโม’ สื่อความหมายแห่งปรัชญาของการดำรงชีวิตและความรักความผูกพันระหว่างชายหญิง ผ้าซิ่นส่วนที่สามเรียกว่า ‘ตีนซิ่น’ สื่อความหมายเตือนใจหญิงที่สวมใส่ว่าอย่าหลงใหลในความสุขหรือยึดติดกับความทุกข์ในชีวิตคู่ ทุกสิ่งเกิดแล้วต้องดับไปตามสัจธรรมของธรรมชาติ ทุกคนเกิดมาคนเดียวสุดท้ายก็ต้องตายคนเดียว จึงควรดำรงชีวิตตั้งมั่นในทางสายกลาง ผู้หญิงเผ่าไทดำที่สามีเสียชีวิตลงจะเลาะเอาตีนซิ่นออกเป็นการไว้ทุกข์ เมื่อออกทุกข์แล้วจึงนำมาเย็บติดกับตัวซิ่นใหม่
มีเรื่องเล่ามาแต่โบราณพูดถึงผ้าซิ่นลายแตงโมว่า ในสมัยก่อนเมื่อครั้งโบราณกาล ผู้ชายที่เป็นสามีต้องออกจากบ้านไปหาของป่าฝ่ายหญิงที่เป็นภรรยาอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนเวลาทอผ้าใจก็ประหวัดคิดถึงสามีที่เข้าป่าไปหลายวันความรักความคิดถึงที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจนั้นมันเกี่ยวกระหวัดรัดแน่นมากขึ้นทุกวัน เหมือนกระสวยที่สอดขัดรัดเส้นด้ายแต่ละเส้นจนกลายเป็นผืนผ้าขนาดใหญ่ในกี่ทอผ้า หัวใจที่โหยหาคนรักนั้นจึงแทนที่ด้วยด้ายสีแดงเป็นเส้นยืนแล้วใช้ด้ายย้อมสีครามจนเกือบดำทั้งผืนแทนตัวเองผู้ซึ่งรอคอยคนรักกลับมา เวลาทอผ้าจะซ่อนด้ายสีแดงเอาไว้เมื่อใดที่สาวเจ้านุ่งซิ่นต้องกับแสงตะวันจะมองเห็นเหลือบสีแดงสะท้อนออกมาวาววับเสมือนว่าเป็นสัญญาความรักที่มีให้ต่อกันแม้จะเห็นเพียงแค่รางเลือน
*** เนื้อหาบางส่วนจากนวนิยาย “เมี่ยงคำ” คลิกที่นี่


เครดิตภาพจาก http://www.openbase.in.th/node/5579
แสดงเนื้อหาเพิ่ม คลิกที่นี่
“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
หากคุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
➡ สมัครด่วน (รับจำนวนจำกัด)
มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ
