
เมื่อคาดการณ์ว่าในอนาคตเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือAI และหุ่นยนต์จะเข้ามาให้บริการในธุรกิจโรงแรมแทนที่คน แล้วคนยังจะมีความหมายอยู่อีกหรือไม่?
อย่างที่เราทราบกันดีว่าตอนนี้เรื่องของ AI ต่างก็เป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมาก ถ้าใครที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนา AI ก็คงตั้งหน้าตั้งตารอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้ใช้งานระบบอัจฉริยะเหล่านั้นอย่างเต็มประสิทธิภาพเสียที่ แต่ก็คงมีอีกหลายท่านที่กลัวการเดินทางมาถึงของ AI หรือพวกหุ่นยนต์อัจฉริยะ เพราะกลัวว่าความฉลาดของพวกมันจะมาแย่งงานและเบียดพวกมนุษย์อย่างเรา ๆ ตกกระป๋องจนไม่มีงานทำ
แสดงเนื้อหาเพิ่ม คลิกที่นี่
มีรายงานออกมาจาก Euromonitor เว็บไซต์การตลาดระดับโลก ว่าเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมามากที่สุดของโลกนั้น จุดหมายปลายทางอันดับแรกคือฮ่องกง มีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 29.8 ล้านคน ส่วนอันดับสองเป็นของประเทศไทยเรา ซึ่งก็คือกรุงเทพมหานคร มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประมาณ 23.7 ล้านคน ข้อมูลนี้จึงเป็นนัยยะเพื่อบอกให้เจ้าของธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ทในประเทศไทยได้รู้ว่า คุณเดินมาถูกทางแล้ว
เมื่อคาดการณ์ว่าในอนาคตเราจะต้องมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นแน่ ๆ ดังนั้นมันจึงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องอัพเดทเทรนด์และติดตามข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้นและรู้ข้อมูลข่าวสารเพื่อนำมาใช้คาดการณ์และวิเคราะห์ทางการตลาดว่าทำอย่างไรจะจับลูกค้าให้อยู่หมัดได้
อมาเดอุส (Amadeus) และอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป หรือไอเอชจี (IHG)ซึ่งเป็นกลุ่มเครือโรงแรมใหญ่ในระดับโลก ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของแขกผู้เข้าพักและผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย กว่า 7,500 คน ได้นำเสนอรายงานแนวโน้มและโอกาสการเติบโตของธุรกิจโรงแรมในอนาคตของประเทศไทยที่น่าสนใจ ดังนี้ค่ะ
- ในอนาคตประเภทของห้องพักอาจไม่มีความหมายอีกต่อไป ซึ่งประเภทห้องพักที่นิยมแบ่งประเภทในธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ก็เช่น ห้องเตียงเดี่ยว (Single Bed) ห้องเตียงเดี่ยวไซต์ใหญ่ (Double Bed) ห้องเตียงคู่ (Twin Bed) ห้องชุด (Suite) หรือห้องสำหรับครอบครัว (Family Room) ประเภทห้องพักเหล่านี้ลูกค้าส่วนใหญ่ทั่วโลกคงจะคุ้นเคยกันดีแต่มันกำลังจะหายไป เพราะเทรนด์ในอนาคตผู้เข้าพักสามารถเลือกจองห้องพักได้ตามสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตนเองต้องการ ลูกค้าสามารถเพิ่มหรือลดสิ่งอำนวยความสะดวกได้ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เคยมีอยู่แล้วและลูกค้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้ก็สามารถตัดรายการนั้นทิ้งไปได้เพื่อลดค่าบริการห้องพักให้ถูกลง
- รูปแบบการขายห้องพักแบบจองเป็นคืนอาจหายไป แล้วเปลี่ยนการจองห้องพักเป็นแบบจองตามระยะเวลาที่ต้องการแทน
- ผู้เข้าพักสามารถใช้ระบบสั่งงานด้วยเสียงในการเรียกใช้บริการรูมเซอร์วิส เช่น ตั้งนาฬิกาปลุก ขอผ้าเช็ดตัวเพิ่ม เป็นต้น
ห้องพักอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI คาดการณ์ว่าจะเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมธุรกิจโรงแรมในอนาคตด้วยค่ะ ฟังดูจากผลสำรวจแล้วก็น่ากลัวนะคะ ว่าคงจะมีพนักงานที่ทำงานในโรงแรมหลายตำแหน่งที่ต้องตกงาน แต่อย่าได้กังวลใจกันไปเลยนะคะ สำหรับเจ้าของธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็กอย่างพวกเราเพราะผลการวิจัยยังเน้นย้ำว่า การบริการโดยมนุษย์ยังคงมีคุณค่าต่อลูกค้ามากกว่าหุ่นยนต์แน่นอนค่ะ ลูกค้าที่เข้าพักยังต้องการประสบการณ์พูดคุยกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง ลูกค้าอยากพูดคุยกับเจ้าของหรือพนักงานโรงแรมเพื่อติชมการบริการ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันมากกว่าที่จะพูดคุยกับหุ่นยนต์แข็ง ๆ ทื่อ ๆ ไร้ชีวิตก็เพราะว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม แม้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมากแค่ไหนแต่มนุษย์ยังคงต้องการพบปะพูดคุย สนทนาโต้ตอบและต้องการเห็นการแสดงอารมณ์ของฝ่ายตรงข้ามมากกว่าหุ่นยนต์ที่ไร้ชีวิตจิตใจ ดังนั้นหากเจ้าของโรงแรมต้องการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อความทันสมัยและความสะดวกในการให้บริการลูกค้า แต่ก็คงไม่อาจทดแทนการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้มากไปกว่าการบริการด้วยพนักงานจริง ๆ เพราะมีเพียงคนเท่านั้นที่จะถ่ายทอดความรักและจิตวิญญาณผ่านแบรนด์สินค้าและการบริการให้เข้าไปภายในจิตใจของลูกค้าได้
ขอบคุณข้อมูลจาก www.marketingoops.com
“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
เพื่อแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
มาร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันกับหลักสูตร เจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็ก ใคร ๆ ก็เป็นได้
คอร์สอบรมที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมได้ ภายใน 2 วัน
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ
