การแบ่งปันความรู้คือพลังที่ยิ่งใหญ่ ช่วยกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
1,807
.
ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจและลงมือทำ ฉันเชื่อว่ามีอยู่ 2 สิ่งที่ทำให้เราก้าวสู่ความสำเร็จ คือความรู้และแรงบันดาลใจ บวกกับความพยายามและอดทนมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและข้อจำกัดใด ๆก็ตามที่เรามี
ในบทความนี้ ฉันมีเรื่องราวของลุงคลิฟฟ์ ยัง มาเขียนแบ่งปันให้อ่านกันค่ะ ฉันชอบเรื่องราวของแกมากจึงคิดว่าหากนำมาเขียนแบ่งปันให้กับผู้อ่านก็น่าจะได้รับแรงบันดาลใจกลับไปด้วย
คลีฟฟ์ ยัง (Cliff Young) เป็นชาวนาชาวออสเตรเลีย วัย 61 ปี ที่ทำให้โลกต้องตะลึงในหัวจิตหัวใจของแก เรื่องมีอยู่ว่าในปี ค.ศ. 1983 ประเทศออสเตรเลียได้จัดงานแข่งขัน Ultra Marathon ซึ่งเป็นการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่เรียกว่าระยะทางสุดโหดและไกลที่สุดในโลก ระยะทางในการวิ่งแข่งขันทั้งหมด 875 กิโลเมตรจากซิดนีย์ไปเมลเบิร์น การแข่งขันระดับโลกในรายการนี้จึงมีแต่นักวิ่งระดับสุดยอดของโลกที่ลงแข่ง แต่ละคนอัดแน่นไปด้วยประสบการณ์ ที่ผ่านการแข่งขันรายการใหญ่ ๆ มาทั้งนั้น มีการเตรียมตัวมาอย่างดีและสปอนเซอร์อีกเพียบ
แสดงเนื้อหาเพิ่ม คลิกที่นี่
คุณลุงคลิฟฟ์เป็นเจ้าของไร่มันฝรั่ง แกเป็นลูกชาวนามีที่ดินทำกินประมาณ 2,000 เอเคอร์หรือประมาณ 5,060 ไร่และเลี้ยงแกะประมาณ 2,000 ตัว ตอนยังเด็กแกถูกบังคับให้ต้องวิ่งต้อนฝูงแกะทั้งฝูงในไร่ด้วยเท้าเพราะช่วงนั้นเศรษฐกิจตกต่ำครอบครัวยากจนจึงไม่มีเงินซื้อม้ามาขี่ นี่เองคงเป็นเหตุผลให้ลุงแกแข็งแรงและมั่นใจในศักยภาพของตัวเองจึงอยากมาลองวิ่งมาราธอนดูบ้างในวัย 61 ปี วันที่ไปสมัครทุกคนต่างสงสัยในตัวลุงว่าเคยวิ่งมาราธอนมาก่อนหน้านี้ไหม หรือเคยลงแข่งขันในรายการไหนมาบ้าง มีโค้ชคอยสอนหรือเปล่า แล้วอะไรทำให้ลุงมั่นใจว่าจะวิ่งได้ไกลเกือบ 900 กิโลเมตรได้ ลุงตอบได้คำเดียวว่าไม่เคย แต่ลุงเป็นชาวนาชาวไร่จึงเคยวิ่ง ไล่แกะที่ไร่อยู่แล้วเป็นวัน ๆ วันละเป็น 10 ชั่วโมง ด้วยแกะจำนวนที่มากถึง 2,000 ตัว บางทีต้องวิ่งไล่ติดต่อกันถึงสองวันสองคืนโดยไม่ได้นอน จึงคิดว่าน่าจะวิ่งแบบนี้ได้ ทุกคนต่างก็สงสัยและเป็นห่วงลุงคลิฟฟ์กันทั้งนั้น แต่ละคนก็ต่างคิดว่าลุงแกไม่น่าจะวิ่งได้ไกลเกิน 100 กิโลเมตรแรกด้วยซ้ำ
พอถึงวันแข่งนักวิ่งทุกคนต่างก็เตรียมตัวเข้าแข่งขันมาอย่างดี ชุดพร้อมอุปกรณ์พร้อม แต่ลุงคลิฟฟ์ปรากฏตัวในวันแข่งด้วยชุดชาวนา สวมหมวกและรองเท้าบู๊ตยาวถึงเข่าโดยให้เหตุผลว่ากลัวฝนจะตกระหว่างทาง เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้นทุกคนก็ออกวิ่งด้วยท่าที่สวยงามนำห่างลุงไปไกลมากทิ้งให้แกวิ่งอยู่รั้งท้าย แต่ลุงคลิฟฟ์ก็ยังคงวิ่งต่อไปอย่างช้า ๆด้วยท่าตลก ๆ ที่ภายหลังถูกตั้งชื่อว่าท่าวิ่ง Young Shuffle
ในขณะที่วิ่งอยู่ตอนกลางคืนแกมองไม่เห็นผู้เข้าแข่งขันคนอื่นก็คิดว่าตัวเองคงถูกทิ้งห่างไปซะแล้วจึงพยายามวิ่งต่อไปไม่หยุดโดยไม่รู้ว่านักวิ่งคนอื่นนั้นเข้านอนกันหมดแล้ว คุณลุงคลิฟฟ์ยังคงวิ่งไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ และสม่ำเสมอ ไม่มีทักษะในการวิ่ง ไม่มีวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาเกี่ยวข้อง และขาดประสบการณ์ในการแข่งขัน มีแต่หัวใจนักสู้ล้วน ๆ ที่ทำให้แกยังคงมีใจวิ่งต่อไปได้ บางทีแกก็แอบงีบหลับทีละชั่วโมงไม่ให้ใครเห็น จนเข้าวันที่สองแกก็ขึ้นเป็นผู้นำ
ในที่สุดลุงคลิฟฟ์เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ใช้ระยะเวลาการวิ่ง 5 วัน 15 ชั่วโมง 4 นาที เร็วกว่าผู้เข้าแข่งขันที่เข้าเส้นชัยเป็นที่ 2 สิบชั่วโมงและทุบสถิติโลกด้วยการทำเวลาล่วงหน้าไป 2 วัน แต่แล้วเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ลุงคลีฟฟ์เข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 และทำลายสถิติโลกก็คือแก “ไม่รู้” ว่าการวิ่ง Ultra Marathon ผู้เข้าแข่งขันสามารถหยุดพักได้ ปกตินักวิ่งที่เข้าแข่งขันจะใช้เวลาวิ่งวันละ 18 ชั่วโมงและพักอีก 6 ชั่วโมงเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมในวันถัดไป ภายหลังมีคนมาสัมภาษณ์ลุงคลีฟฟ์ว่าทำยังไงแกถึงเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ได้ ก็ได้คำตอบที่ต้องตะลึงกันไปทั้งงานว่า “ก็เนี่ย! ตอนที่วิ่ง ๆอยู่ ก็จินตนาการว่าตัวเองกำลังไล่ต้อนแกะอยู่ คิดเสียว่ามีพายุกำลังมาจึงต้องรีบต้อนแกะเข้าในกรง”
ส่วนที่พีคสุด คือด้วยความไม่รู้และไม่มีประสบการณ์ในการแข่งขันมาก่อนลุงแกจึงไม่รู้ว่ามีเงินรางวัล 10,000 เหรียญสหรัฐให้กับผู้ชนะที่เข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ด้วย แกรับเงินรางวัลมาแบบงง ๆเพราะที่มาแข่งไม่ได้หวังเงินรางวัลแต่อย่างใดเลย แกจึงแบ่งเงินรางวัลนั้นออกเป็น 5 ส่วนเท่า ๆกันและมอบให้กับผู้เข้าแข่งขันที่เข้าเส้นชัย 5 คนต่อจากแกโดยไม่เอาสักเหรียญเดียว ด้วยเหตุผลว่าที่มาวิ่งแกต้องการพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง เงินรางวัลไม่ใช่เป้าหมายเป็นเพียงแค่ผลพลอยได้ หัวใจแกนี่สุด ๆ จริง ๆ
ลุงคลีฟฟ์ ยัง เป็นตำนานของนักวิ่งที่ยิ่งใหญ่ของโลก แกได้รับการขนานนามว่าเป็นเต่าในนิทานกระต่ายกับเต่าที่มีชีวิต ลุงเริ่มต้นทุกอย่างจากความไม่รู้และไม่พร้อม ไม่ต้องมีรองเท้าวิ่งดี ๆ โค้ชเก่ง ๆ หรือชุดวิ่งเท่ห์ ๆ มีเพียงหัวใจที่แข็งแกร่งและมุ่งมั่นจะไปให้ถึงเส้นชัยเท่านั้น ปัจจุบันนี้ลุงคลีฟฟ์เสียชีวิตแล้วนะคะด้วยวัย 81 ปี เพื่อเป็นการระลึกถึงตำนานระดับสุดยอดของแกชาวเมืองจึงได้สร้างอนุสาวรีย์รองเท้าบูทไว้กลางสวนสาธารณะ Young Park ที่ตั้งชื่อตามนามสกุลของลุงคลีฟฟ์ ยังด้วยค่ะ
ฉันหวังว่าเรื่องราวของลุงคลีฟฟ์จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่คิดอยากทำธุรกิจโรงแรมหรือคนที่อยากเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆในชีวิตแต่ยังไม่กล้าลงมือทำได้ดูไว้เป็นตัวอย่าง และขอให้เชื่อมั่นว่าในชีวิตนี้ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจและลงมือทำมันอย่างตั้งใจและมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
เพื่อแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
➡ สมัครด่วน (รับจำนวนจำกัด)

มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ

Line ID: @a-lisa.net
การแบ่งปันความรู้คือพลังที่ยิ่งใหญ่ ช่วยกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ