ถ้าคุณอยากทำธุรกิจโรงแรมหรือเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมอยู่แล้ว มีบุคคลหนึ่งที่คุณควรจะรู้จักค่ะ เขาผู้นั้นคือซีซ่าร์ ริทซ์ บิดาแห่งการโรงแรม ผู้สร้างตำนานบทใหม่ให้กับวิชาการโรงแรมและการบริการ จนกลายเป็นมาตรฐานสำหรับโรงแรมทั่วโลกที่ใช้กันอยู่จนทุกวันนี้ และเรื่องราวของบิดาการโรงแรมผู้นี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณกล้าลงมือทำในธุรกิจนี้ค่ะ
แสดงเนื้อหาเพิ่ม คลิกที่นี่
รับชมแบบเป็นวิดิโอ คลิก…
คุณจะได้ในสิ่งที่คุณขอ นี่คือกฎของชีวิต ผลลัพธ์ของความสำเร็จคือภาพสะท้อนของความคิดคุณ หากคุณกำลังสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ หรือมีความคิดอยากเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็กสักแห่ง สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ “จดจ่ออยู่กับมัน”
การจดจ่อนั้น เกิดขึ้นได้จากความหลงใหลหรือปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างแรงกล้าจนคุณต้องคิดถึงมันทั้งยามหลับและยามตื่น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณปรารถนามอยากเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมหรือรีสอร์ทสักแห่ง คุณต้องคิดภาพโครงการโรงแรม-รีสอร์ทที่คุณอยากได้ขึ้นมาในหัวให้จงได้ คิดซ้ำไปซ้ำมาจนภาพโรงแรมมันปรากฏชัด รับรู้ถึงพลังอันแรงกล้าที่คุณอยากให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ ใส่ความหลงใหลลงไป เพราะความหลงไหลคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง เมื่อคุณเกิดความหลงใหลในสิ่งที่ทำ จิตใจคุณก็จะสามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นได้นาน ๆ และการที่คุณสามารถจดจ่อกับสิ่งใดได้เป็นเวลานาน นั่นหมายความว่าคุณกำลังเข้าสู่สมาธิขั้นต้นที่เรียกว่า “ขณิกสมาธิ” หรือสมาธิชั่วขณะ คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะมีขณิกสมาธิด้วยกันทั้งนั้น เพราะคนที่ประสบความสำเร็จจะมีนิสัยอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือการมีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองหลงไหลได้เป็นระยะเวลานาน ๆ
ความหลงใหลในสิ่งที่ปรารถนามันมีความสำคัญต่อความสำเร็จมาก สตีฟ จ๊อบฟ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลเคยกล่าวถึงความหลงไหลเอาไว้ว่า “คุณต้องมีความหลงใหลในสิ่งที่คุณทำอย่างมาก เพราะถ้าหากไม่มีความหลงใหล ก็จะถูกเหตุผลทำให้ยอมแพ้” เมื่อตอนเริ่มต้นอยากทำธุรกิจโรงแรมใหม่ ๆ ฉันก็ใช้ความหลงใหลนี่แหละเป็นตัวขับเคลื่อน ฉันชอบหาข้อมูลเมืองที่สวยงามของต่างประเทศเพื่อเก็บไว้เป็นแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยวและหาประสบการณ์ในต่างแดน ฉันหลงใหลได้ปลื้มกับเมืองโปรว๊องซ์ซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสมาก เพราะเคยอ่านหนังสือเรื่อง “หนึ่งปีแสนสุขในโปรวองซ์” เขียนโดยปีเตอร์ เมล นักเขียนที่ย้ายตัวเองและภรรยาไปอยู่ในเมืองนี้ แล้วนำเรื่องราวธรรมชาติที่สวยงาม สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนมาเขียนบรรยายไว้ในหนังสือจนฉันเคลิ้มตาม ฉันซื้อหนังสือทุกเล่มที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเมืองโปรว๊องซ์เท่าที่หาได้ บางเล่มก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดอ่านไม่ค่อยออกก็ดูภาพประกอบเอา สุดท้ายความหลงไหลที่ฉันทุ่มเทให้กับการหลงรักเมืองโปรว๊องซ์ทั้งที่ยังไม่เคยไป ก็ได้ผลลัพธ์เป็นโรงแรม Le Bar Tarry ที่ออกแบบตกแต่งในสไตล์โปรว๊อวงซ์
(ฉันเขียนเรื่องราวสถาปัตยกรรมแบบโปรว๊องซ์ไว้ในบทความชื่อ แนวทางง่ายๆ ในการออกแบบธีมโรงแรม-รีสอร์ทให้สวยด้วยตัวเอง คลิ๊กอ่านที่นี่…)
เรื่องราวของความหลงใหลนี้ก็เกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มจากครอบครัวชาวนาที่มีชื่อว่า “เซซาร์ ริทซ์” เหมือนกัน เขาหลงใหลในอาชีพบริการจนสุดท้ายเป็นเจ้าของโรงแรมริทซ์ ( Ritz-Carlton Hotel Company) โรงแรมสุดหรูที่ให้บริการคนดังระดับโลกหลายสาขาพร้อมกับพ่วงตำแหน่ง “บิดาแห่งการโรงแรมของโลก” เอาไว้ด้วย
เซซาร์ ริทซ์ เป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 13 คนของครอบครัวชาวนาฐานะยากจนในหมู่บ้านนีเดอร์เวา ตั้งอยู่ในเขตกอมส์ รัฐวาเล อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เซซาร์ ริทซ์ขณะอายุ 12 ปี เขาถูกส่งไปเป็นนักเรียนประจำที่โรงเรียนนิกายเยซูอิต ที่เมืองไซออน พออายุ 15 ก็ไปเป็นพนักงานเสิร์ฟไวน์ฝึกหัดที่โรงแรมในเมือง Brig ในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้นไม่รู้ว่าเขาไปทำพลาดอีท่าไหนถึงได้โดนลูกค้าด่าประมาณว่า “เอ็งคงไม่มีวันจะรุ่งในธุรกิจโรงแรมได้หรอก เพราะมันต้องใช้ความสามารถพิเศษและพรสวรรค์ ขอบอกความจริงตรง ๆนะไอ้หนู ว่า เอ็งไม่ได้มีมันหรอก ” เซซาร์ ริทซ์คิดว่าตัวเองคงจะไม่รุ่งในธุรกิจโรงแรมเสียแล้วจึงกลับไปทำงานที่โรงเรียนเก่าในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ดูแลห้องเก็บเครื่องใช้พิธีของโบสถ์ แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นานในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไปแสวงโชคที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะนั้นเขามีอายุได้ 17 ปี
เซซาร์ ริทซ์ อดทนทำงานเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในร้านอาหารหลายแห่ง เขาใช้ความขยัน อดทน หนักเอาเบาสู้พร้อมทั้งพัฒนาบุคลิกภาพของตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายได้เป็นผู้จัดการของภัตตาคาร Restaurant Voisin ซึ่งถือว่าเป็นภัตตาคารหรูที่สุดในกรุงปารีสยุคนั้น มีโอกาสได้ต้อนรับลูกค้าระดับเชื้อพระวงศ์และบุคคลระดับ VIP หลายคน เมนูยอดนิยมระดับตำนานของภัตตาคารนี้ คือ “หางช้างเสิร์ฟในซอสชาสเซอร์” ซุปงวงช้าง อูฐย่าง หมาป่าในซอสที่ทำจากกวาง โดยมีสวนสัตว์เป็นแหล่งส่งวัตถุดิบสำคัญ (เศร้าจริง ๆ ฮือ ๆ )
จุดที่เริ่มจะพีคสุดของเซซาร์ ริทซ์ คือเขาได้งานเป็นผู้จัดการของโรงแรมแกรนด์ โฮเต็ล เนชั่นแนล ที่เมืองลูเซิร์นและอีกสาขาที่ประเทศโมนาโกในเวลาเดียวกัน ริทซ์ทำให้โรงแรมแห่งนี้มีชื่อเสียงจนได้รับการยกย่องว่าเป็นโรงแรมที่หรูที่สุดในยุโรป พร้อมกับคำพูดอมตะที่ยังนำมาใช้กันจนถึงทุกวันนี้ว่า “The customer is always right.” แปลว่า ลูกค้าถูกเสมอ
เซซาร์ ริทซ์ มีเพื่อนซี้และหุ้นส่วนธุรกิจชื่อ ออกุสต์ เอสกอฟฟิเยต์ (Auguste Escoffier) ผู้ได้รับสมญาณามว่า “บิดาแห่งการครัว” เขาเกิดในแคว้นโพรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส และเริ่มฝึกงานที่ภัตตาคารของลุงตัวเองที่เมืองนีซเมื่ออายุได้ 13 ปี จากนั้นก็เดินทางไปเป็นพ่อครัวอีกหลายแห่งจนถูกเกณฑ์เป็นทหารรับใช้ชาติในช่วงสงครามฝรั่งเศส-เยอรมนี ด้วยการทำหน้าที่พ่อครัวให้กองทัพ ในเวลานั้นเองที่เขาตระหนักถึงความจำเป็นต้องมีอาหารกระป๋อง เขาจึงเป็นเชฟคนแรกที่ศึกษาเทคนิกการบรรจุและเก็บรักษาอาหารไว้ในกระป๋อง
เมื่อเซซาร์ ริทซ์และออกุสต์ เอสกอฟฟิเยต์ มาพบกันทำให้หน้าประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมโรงแรมพลิกโฉมครั้งใหญ่ ทั้งคู่ร่วมกันเปิดภัตตาคาร Conservations Haus ที่เมืองบาเดน-บาเดน จากนั้นก็ได้รับเชิญให้ไปเป็นผู้จัดการและเชฟใหญ่ที่โรงแรมซาวอย ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปี ค.ศ. 1889 (โรงแรมซาวอย ประวัติศาสตร์ของโรงแรมที่หรูที่สุดในโลก คลิ๊กอ่าน…) ทั้งสองคนทำให้โรงแรมซาวอยมีชื่อเสียงเลื่องลือมากในยุคนั้น ห้องอาหารของโรงแรมที่นำกลิ่นอายของฝรั่งเศสมาสู่การบริการและอาหารมีชื่อว่า French haute cuisine ได้รับความนิยมอย่างสูง และได้รับรองเชื้อพระวงศ์จากอังกฤษ ชนชั้นสูงและคนดังในแวดวงต่าง ๆ ทุกคนต่างก็หลงเสน่ห์ในฝีมือการปรุงอาหารของออกุสต์ เอสกอฟฟิเยต์ เมนูที่ขึ้นชื่อที่สุดและเป็นอาหารแนะนำยอดฮิต คือพีช เมลบา (Peach Melba) เป็นนำลูกพีชแช่อิ่มมาราดด้วยซอสราสเบอร์รีเสิร์ฟพร้อมไอศครีมวนิลา เมนูนี้มีที่มาจากชื่อ Nellie Melba นักร้องโอเปล่าเสียงโซปราโนชื่อดังในยุคนั้น ท่านดยุคแห่งออร์ลีนส์ ได้จัดดินเนอร์ปาร์ตี้เพื่อฉลองและชื่นชมกับความมีชื่อเสียงของเธอ เชฟออกุสต์ เอสกอฟฟิเยต์ จึงได้สร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษนี้ขึ้นเพื่อโอกาสพิเศษ เมื่อเชฟถูกขอให้ตั้งชื่อของหวานเมนูพิเศษนี้ เขาจึงตั้งชื่อว่า Peach Melba

ออกุสต์ เอสกอฟฟิเยต์ (Auguste Escoffier) ผู้ได้รับสมญาณามว่า “บิดาแห่งการครัว”
เมื่อขึ้นสู่จุดสูงสุดของตำแหน่งผู้จัดการโรงแรมซาวอย เซซาร์ ริทซ์ก็ถูกกลั่นแกล้งจนต้องออกจากโรงแรมซาวอย เขาและพนักงานบางส่วนที่เชื่อใจในตัวเขาก็ได้ไปร่วมกันบุกเบิกโรงแรมคาร์ลตันในนิวมาร์เก็ต ต่อมาในปี ค.ศ. 1896 ริทซ์ก็ได้ก่อตั้ง เครือโรงแรมริทซ์ ร่วมกับมหาเศรษฐีชาวแอฟริกาใต้ ชื่อว่าอัลเฟรด เบท คนที่ถูกจัดอันดับว่าร่ำรวยที่สุดในโลกยุคนั้น โรงแรมริทซ์ เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1898 ที่จตุรัส ปลาส ว็องโดมในกรุงปารีส ภายในงานเปิดตัวมีเหล่ามหาเศรษฐีและคนดังจากทั่วโลกมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ค.ศ. 1906 เปิดตัวโรงแรมริทซ์ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และปี ค.ศ. 1910 เปิดตัวโรงแรมริทซ์ที่กรุงแมดริด ในประเทศสเปน ส่วนเชฟออกุสต์ เอสกอฟฟิเยต์ก็ยังคงอยู่เคียงข้างและเป็นหุ้นส่วนของเขาอยู่เสมอจนเกษียณอายุ
เป็นที่รู้กันในยุคนั้นว่าโรงแรมริทซ์คือที่สิงสถิตย์ของมหาเศรษฐีหมู่คนดังและแวดวงไฮโซ จนมีเรื่องราวตำนานของคนดังหลายคนที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโรงแรมแห่งนี้ เช่น เจ้าหญิงไดอาน่าทรงเสวยอาหารค่ำมื้อสุดท้ายที่นี่ก่อนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ โคโค่ ชาแนล เจ้าแม่วงการแฟชั่นของฝรั่งเศสก็อาศัยห้องสวีทของโรงแรมริทซ์เป็นบ้านนานถึง 35 ปี ต่อมาห้องสวีทของโรงแรมจึงได้ตั้งชื่อตามคนดังที่เข้ามาพัก เช่น เอลตัน จอห์นสวีท วินด์เซอร์สวีท โคโค่ชาแนลสวีท
เซซาร์ ริทซ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1918 โรงแรมจึงถูกส่งต่อให้ทายาทคือลูกชายของเขาชื่อ ชาร์ลส์ ริทซ์และหลังจากที่ชาร์ลส์ ริทซ์เสียชีวิตลงโรงแรมริทซ์ก็เข้าสู่สภาวะถดถอย ภรรยาของเขาคือโมนิควิน ริทซ์ ได้ตัดสินใจขายโรงแรมต่อให้กับมหาเศรษฐีชาวอียิปต์ ชื่อโมฮัมเหม็ด อัล ฟาเอ็ด ในปี ค.ศ. 1979 ภายใต้เงื่อนไขว่าให้ยังคงใช้ชื่อ “ ริทซ์ ” ต่อไป แม้ปัจจุบัน เซซาร์ ริทซ์จะได้จากโลกนี้ไปแล้ว แต่เขาและออกุสต์ เอสกอฟฟิเยต์ก็ยังเป็นตำนาน
ออกุสต์ เอสกอฟฟิเยต์ ผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งการครัว” เขาเป็นคนแรกที่เขียนตำราอาหารฝรั่งเศสให้ชาวโลกได้รู้จัก หนังสือชื่อดังที่เขาเขียนชื่อว่า A guide to modern cookery เขาได้ชื่อว่าเป็น “บิดาแห่งการครัว” (King of Chef & Chef of King) ก็เพราะเขาเป็นคนทำอาหารถวายพระเจ้าวิลเลียมที่ 2 สมัยสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนีและยังทำอาหารเลี้ยงเชลยศึกอย่างอร่อยเหาะอีกด้วย จนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากพระองค์และยกย่องให้เขาเป็น “Emperor of the Culinary Art” หมายถึง เป็นผู้มีความรู้ในศิลปะการทำอาหารชั้นยอดเยี่ยม นอกจากนี้เชฟออกุสต์ ยังเป็นครูสอนทำอาหารให้กับสถาบันสอนทำอาหารที่มีชื่อเสียงแห่งฝรั่งเศส Le Cordon Bleu เป็นเวลายาวนานถึง 32 ปี หลังสถาบันก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1895 ทำให้สถาบัน เลอ กอร์ดอง เบลอ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และกลายเป็นสถาบันที่ครอบครัวผู้อันจะกินทั่วยุโรปนิยมส่งบุตรหลานสตรีไปเรียน เพื่อปลูกฝังการบ้านการเรือนและรสนิยมการเป็นสตรีชนชั้นสูงในสมัยนั้น
เซซาร์ ริทซ์ ผู้เป็น “บิดาแห่งการโรงแรม” ก็ได้ทิ้งตำนานอันทรงคุณค่าไว้เช่นกัน โรงแรมริทซ์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่โรงแรมชั้นนำของโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบของ ”วิชาการโรงแรมและการบริการ” ที่มีมาตรฐานสูงและถูกถ่ายทอดกันในยุคต่อ ๆมา จนปัจจุบันถูกพัฒนามาเป็นสถาบันการศึกษาด้านการโรงแรมที่มีความเป็นเลิศและสูงไปด้วยมาตรฐานของวิชาชีพ ปัจจุบัน César Ritz Colleges Switzerland (CRCS) ยังคงเป็นโรงแรมที่เปิดสอนทักษะความรู้การบริหารธุรกิจโรงแรมแบบดั้งเดิมระดับ World-Class มี 3 วิทยาเขตได้แก่ Le Bouveret ( เลอบูเวอเรต์), Lucerne ( ลูเซิรน์) และ Brig (บริก)
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่สละเวลาอ่านบทความนี้ตั้งแต่ต้นจนจบนะคะ ความยาวของเนื้อหาอาจทำให้คุณเกิดความเบื่อหน่ายและขี้เกียจอ่านขึ้นมาบ้าง แต่ฉันก็มีความตั้งใจเป็นอย่างสูงที่อยากนำเนื้อหาสาระในบทความนี้มาแบ่งปันกับทุกท่านค่ะ เพราะทั้ง เซซาร์ ริทซ์ ผู้เป็น “บิดาแห่งการโรงแรม” และ ออกุสต์ เอสกอฟฟิเยต์ ผู้เป็น “บิดาแห่งการครัว” ทั้งสองท่านนี้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่มีความหลงใหลและทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เส้นทางของทุกคนไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ จึงต้องอดทน มุ่งมั่น และพยายามจนประสบความสำเร็จในระดับโลก ฉันจึงหวังว่าทั้งสองท่านจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนมีความฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็ก ได้ดูเป็นแบบอย่างที่ดีค่ะ

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/C%C3%A9sar_Ritz
http://news.smestuff.com / บันทึกไว้ในชื่ออาหาร
“ 2 สิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ คือความรู้และแรงบันดาลใจ โดยมีเป้าหมายคือความสุข”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
หากคุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
มาร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันกับหลักสูตร เจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็ก ใคร ๆ ก็เป็นได้
คอร์สอบรมที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมได้ ภายใน 2 วัน
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ