301

สูตรสมการชีวิตของคนในศตวรรษที่ 21 คือ 3R x 4C หรือเรียกว่า “แนวคิดทักษะแห่งอนาคตใหม่” เป็นสูตรที่เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่จะต้องศึกษาเล่าเรียนและต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเตรียมพร้อมในการใช้ชีวิตและสามารถดำรงชีวิตอยู่ในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนแปลงไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 ส่งผลให้การดำเนินชีวิตในสังคมเปลี่ยนแปลงไป
ไม่มีใครจะสามารถหลีกพ้นเมื่อศตวรรษใหม่ก้าวเข้ามา ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีบริษัทเอกชนชั้นนำ อาทิเช่น แอปเปิ้ล ไมโครซอฟ วอลท์ดีสนีย์ องค์กรวิชาชีพระดับประเทศ และสำนักงานด้านการศึกษาของรัฐ รวมตัวเพื่อก่อตั้งเป็นเครือข่ายองค์กรร่วมมือเพื่อทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (Partnership for 21st Century Skills) หรือเรียกย่อๆว่า เครือข่าย P21 ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม หรือ 3R x 4C ซึ่งมีองค์ประกอบ ดังนี้
คลิกอ่านต่อ ที่นี่
3 R ได้แก่ Reading (การอ่าน), การเขียน(Writing) และ คณิตศาสตร์ (Arithmetic) และ
4 C (Critical Thinking – การคิดวิเคราะห์, Communication- การสื่อสาร, Collaboration-การร่วมมือ, และ Creativity-ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงทักษะชีวิตและอาชีพและทักษะด้านสารสนเทศสื่อและเทคโนโลยี และการบริหารจัดการด้านการศึกษาแบบใหม่
นอกจากนี้ยังมีนักการศึกษาระดับโลกคนหนึ่ง มีชื่อว่า เซอร์เคน โรบินสัน เขามีส่วนสำคัญในการผลักดันเรื่องการปฏิรูปการเรียน โดยได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงแนวคิดการจัดการศึกษาระบบโรงงาน มาเป็นการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คิดอย่างสร้างสรรค์และเข้ากับบริบทของโลกที่ได้เปลี่ยนแปลงไป (อูย…ดูออกแนววิชาการไปหน่อยนะคะ กลัวคนอ่านเครียด แต่ถ้าไม่เกริ่นนำแบบนี้อนาคตเราอาจจะตกเทรนด์ได้คะ)
บทความนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่ได้คุยกับเพื่อนสองคน ในโอกาสต่างกรรมต่างวาระกัน สรุปออกมาได้ว่า ในยุคนี้ผู้คนกำลังสับสนและต้องการกำลังใจในการใช้ชีวิตกันเยอะมาก จึงอยากให้ดิฉันผู้ซึ่งชอบเขียนบทความ ได้นำเนื้อหาสาระที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านมาสอดแทรกเข้าไปบ้าง อย่าได้มีแต่เนื้อหาที่เป็นวิชาการและวิชาชีพจนเกินไปนัก เพื่อให้ผู้อ่านได้มีความรื่นเริงบันเทิงใจและเกิดแรงฮึดในการต่อสู้กับชีวิตกันต่อไป
โลกสมัยใหม่กำลังหมุนอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนในยุคนี้เกิดข้อกังขาขึ้นว่าการใช้ชีวิตของผู้คนเมื่อสิบปีที่แล้ว จะยังใช้การได้ดีอยู่ไหมในทุกวันนี้ หรือจะต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกสมัยใหม่ได้อย่างมีความสุข
จากบทความ “คลื่นลูกที่ 3 จุดเปลี่ยนของชีวิตแห่งอนาคต” ที่เคยได้เขียนไว้ กล่าวถึงการแบ่งยุคสมัยออกเป็นคลื่นลูกต่างๆ ได้แก่ คลื่นลูกที่ 1 ครอบคลุมระยะเวลา 10,000 ปี ยุคนี้มีชื่อว่า ยุคเกษตกรรม คนในยุคนั้นทำมาหากินด้วยการประกอบอาชีพ เช่น นายพราน ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ช่างไม้และช่างโลหะ ดิฉันก็เกิดจากครอบครัวที่มาจากยุคเกษตกรรม ยังจำได้ว่าสมัยเด็กเวลาเดินทางไปไร่ไปนายังได้เคยนั่งวัวเทียมเกวียน เป็นอะไรที่สนุกสุดๆไปเลย แต่สมัยนี้ไม่มีให้เห็นกันแล้ว คลื่นลูกที่ 2 อยู่ได้ประมาณ 200 ปี เป็นการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมหรือเรียกว่าระบบเศรษฐกิจปล่องควันไฟ ยุคนี้ทำให้ผู้คนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นสะดวกสบายขึ้นมาก
คลื่นลูกที่ 3 โหมกระพืออยู่ประมาณ 30-40 ปี เมื่อโลกมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลและคอมพิวเตอร์ ก่อนจะปรากฏคลื่นลูกที่ 4 เป็นยุคเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมอันเกิดจากความสามารถในการถอดรหัสพันธุกรรม และคลื่นลูกที่ 5 ที่อาจตามมาในระยะเวลาอันใกล้ (ลองคิดดูกันเล่นๆนะค่ะว่าประเทศไทยเราตอนนี้ติดอยู่ในคลื่นลูกที่เท่าไหร่ เราเป็นมนุษย์ในยุคไหนกัน)
เกริ่นไปซะไกลเลยคะ เรามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า จากหัวข้อเรื่อง วิธีหาธุรกิจที่ใช่ งานที่ชอบสำหรับคนในศตวรรษที่ 21 แล้วงานแบบไหนกันนะที่เหมาะกับมนุษย์ Gen Y (คนที่เกิดระหว่างพ.ศ.2523 – พ.ศ.2540) อย่างเรา
มีบางคนทำงานไปสักพักหนึ่ง ก็ให้สงสัยอยู่ในใจลึกๆว่าเราเหมาะกับงานนี้แน่นะหรือ บางคนก็เปลี่ยนงานอยู่บ่อยๆ เพราะทำงานอะไรก็ยังไม่ใช่สักอย่าง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนลืมดูอายุตัวเอง รู้ตัวอีกทีก็อายุจะเข้าหลักสี่ซะแล้ว เลยยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง บางคนก็เลือกวิธีเรียนต่อเพื่อหลีกเลี่ยงชีวิตการทำงานที่ตัวเองไม่ชอบ อย่างน้อยก็เป็นข้ออ้างเพื่อเลื่อนเวลาการทำงานในชีวิตจริงให้ออกไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสายที่เลือกเรียนต่อคือสายที่ตัวเองชอบจริงๆหรือเปล่า พอเรียนจบกลับพบว่าตัวเลขอายุของตัวเองไม่ได้หยุดอยู่กับที่ แถมเป็นช่วงอายุที่ถึงเวลาจะมีครอบครัวซะด้วย หรือบางคนก็มีครอบครัวแล้วงานก็ยังไม่มีทำ สถานะการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก พออายุย่างเข้าวัย 40 ความชอบเริ่มไม่ใช่ประเด็นสำคัญ มีความต้องการความมั่นคงทางการเงินเข้ามาแทนที่ ตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้จึงเป็นงานอะไรก็ได้ที่มั่นคง และตอบโจทย์เรื่องรายได้ให้คุ้มกับค่าใช้จ่ายเป็นพอ ลืมเรื่องความฝันไปได้เลย ก้มหน้าก้มตาทำงานปัจจุบันให้ดีที่สุด ไม่โดนเจ้านายไล่ออกกลางคันก็ดีถมไป
สำหรับตัวดิฉันเองคิดว่า ชีวิตคนเราทุกคนควรมีเป้าหมาย เพื่อเป็นแรงผลักดันในการทำงานและใช้ชีวิต สุดท้ายแล้วแม้ว่าเราจะไม่บรรลุเป้าหมายแต่มันอาจนำพาเราไปสู่สิ่งอื่นที่ดีกว่าก็ได้
ถ้าคุณยังไม่มีงานที่ใช่อยู่ในใจ อยากให้คุณลองจินตนาการดูค่ะว่า คุณกำลังเดินไปพบถนน 3 สายอยู่เบื้องหน้า คุณอยากจะเลือกเดินไปบนถนนเส้นไหน
- เส้นทางแรก ในระหว่างทางทุกอย่างดูราบรื่นไปหมด คุณรู้สึกสบายอกสบายใจเหลือเกินที่ได้เดินบนถนนสายนี้ ยิ่งถลำลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งถอนตัวไม่ขึ้น เดินไปสักพักก็เจอเหวลึก รู้ตัวอีกทีคุณติดอยู่ในก้นเหวซะแล้ว ทุกอย่างจึงสายเกินไปที่จะหันหลังกลับ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันชัดๆ
ในโลกของวัตถุนิยมหลายคนทำงานหามรุ่งหามค่ำ โดยลืมนึกถึงความสุขของตัวเอง มีหลายคนทีเดียวที่ต้องทนทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบถึงขั้นเกลียดเลยด้วยซ้ำ เพราะต้องการเงินมาซื้อสิ่งที่สนองความต้องการของตัวเองแล้วก็เอาไปอวดคนที่ไม่ได้รู้สึกยินดีด้วยเลย ที่จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นกำลังดำเนินชีวิตแบบผิดๆ
วิธีที่ถูกต้องคือ ค้นหาในสิ่งที่ตัวคุณชอบแล้วลงมือทำให้ดีที่สุด เงินก็จะตามมาเอง ถ้าคุณคิดไม่ออกก็ให้ลองนึกถึงกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่คุณทำแล้วไม่รู้สึกเบื่อ สามารถขลุกอยู่กับมันได้ทั้งวัน นั่นแหละสิ่งที่ใช่สำหรับคุณ หลายคนอาจคิดว่าต้องหาเงินให้ได้มากๆเพื่อที่จะได้มีความสุขในภายหลัง แต่คุณคงไม่อยากใช้เงินของคุณเป็นค่ารักษาพยาบาลในยามที่คุณป่วยเพราะทำงานมากไปจนร่างพังหรอกนะคะ
ชีวิตมีแค่เพียงครั้งเดียวจะทำอะไรรีบเลย!!
- เส้นทางที่สอง เป็นถนนทอดยาวไปสู่ทางตัน ในช่วงแรกของถนนเส้นนี้ดูราบรื่นไม่ต่างจากเส้นทางแรกนัก แต่เดินต่อไปสักพักกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย จนคุณค่อยๆเสพติดกับมันบนความคิดที่ว่า อยู่เฉยๆแบบนี้ก็ดีแล้ว จะดิ้นรนไปอะไรเยอะแยะ บางคนเรียกเส้นทางสายนี้ว่า Comfort Zone เส้นทางสายนี้มันทำให้คุณรู้สึกสะดวกสบายก็จริง แต่มันก็ทำให้คุณไปต่อได้ไม่ถึงไหน ถ้าคุณกำลังพยายามค้นหาอาชีพที่ใช่และเป็นอาชีพที่คู่ควรกับคนมีความสามารถอย่างคุณ วิธีที่ดีที่สุดคือ การกล้าทำในสิ่งใหม่ๆ ลองทำอะไรที่มันยากหรือแตกต่างไปจากเดิมดู เพื่อจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ลุยๆๆๆ
- เส้นทางที่สาม เป็นถนนที่ขรุขะ ลุ่มๆดอนๆ แต่ข้างทางน่าสนใจ ตอนแรกก็รู้สึกสนุกอยู่บ้าง เริ่มเดินแรกๆก็รู้สึกท้าทาย ไม่น่าเบื่อ แต่ในที่สุดเมื่อเดินไปสักพักก็เกิดอาการท้อแท้ขึ้นกลางทาง และเริ่มรู้สึกเหนื่อยอ่อน มีคนจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่จะยังเลือกเดินบนถนนสายนี้ต่อไป ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง นั่นหมายความว่ามีพวกขี้แพ้ส่วนใหญ่ล้มเลิกและกลับไปเริ่มต้นใหม่บนถนนเส้นที่หนึ่งและสอง ส่วนพวกที่ยังเหลืออยู่ก็จะพยายามเดินต่อไปให้ถึงเป้าหมาย เพราะพวกเขารู้ว่าเมื่ออดทนผ่านเส้นทางนี้ไปได้ พวกเขาจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่าคนทั่วไปในภายหลัง เบื้องหลังของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตระดับโลกหลายๆคน คือการที่พวกเขาต้องผ่านช่วงเวลาของการฝึกฝนทำซ้ำๆ ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างน้อย 10,000 ชั่วโมงมาแล้วทั้งนั้น บุคคลที่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ง่ายที่สุดคือ โทมัส อัลวา เอดิสัน
เขามีคำพูดที่กล่าวได้กระชากใจว่า “การเป็นอัจฉริยะเกิดจากแรงบันดาลใจ 1% อีก 99% มาจากหยาดเหงื่อที่ทุ่มเท” โทมัส อัลวา เอดิสัน ได้ทดลองสร้างหลอดไฟ 10,000 ครั้ง ไม่มีครั้งใดเลยที่สำเร็จ คนหลายคนบอกเอดิสันว่า คุณกำลังล้มเหลวในสิ่งที่คุณกำลังทำ เอดิสันตอบกลับไปว่า ” ผมไม่ได้ล้มเหลว แต่ผมเพียงพบกับ 10,000 วิธีที่มันใช้ไม่ได้” หลังจากคำพูดนี้ เอดิสันได้ทดลองต่อ และสามารถทำหลอดไฟหลอดแรกได้ในการทดลองครั้งที่ 10,001 นั้นเอง
วิธีรวยในโลกนี้มีอยู่หลายวิธี แต่ที่คนส่วนใหญ่นิยมสร้างความรวยให้ตัวเองในยุคนี้ต้องมีConcept แบบว่า ไม่ออกแรงมาก ไม่มีวิธีการที่ยุ่งยากซับซ้อน ยิ่งเป็นวิธีทีทำให้รวยได้แบบชั่วข้ามคืนเป็นดีที่สุด หรือที่เรียกง่ายๆว่า วิธีรวยทางลัด หนังสือที่ขายดีที่สุดของยุคนี้ ต้องมีคำว่า “รวยโดยไม่ต้องทำงานประจำ” บางคนก็นิยมนั่งจิบกาแฟชิลๆที่ร้านกาแฟแล้วเทรดหุ้นทั้งวัน ให้พวกหนุ่มๆสาวๆออฟฟิศมองดูด้วยสายตาอิจฉา ดูแล้วโก้ซะไม่มี
แนวคิดแบบนี้มันช่างตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของมนุษย์ Gen Y ที่ไม่ชอบการรอคอย และไม่มีความอดทนในหัวใจซะจริงๆ
บทส่งท้ายของบทความนี้ ฝากข้อคิดนิยามความสำเร็จจาก มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก CEO และผู้ก่อตั้งFacebook ไว้ให้อ่านกันดูนะค่ะ
“ความสำเร็จ มันไม่ใช่ ห้วงเวลาหนึ่งของแรงบันดาลใจหรือห้วงเวลาหนึ่งของความยอดเยี่ยม แต่มันเกิดจากการฝึกซ้อมและการทำงานอย่างหนัก นานนับปี ถ้าคุณต้องการจะทำอะไรที่มันยอดเยี่ยม สิ่งที่คุณต้องจำไว้อย่างหนึ่ง คือ ไม่มีทางลัด”
“คุณสามารถเปลี่ยนตัวเองจากคนธรรมดาให้กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ แค่เพียงมีความรู้ มีแรงบันดาลใจ และมีความสุข ฉันอยู่ที่นี่เพื่อจะแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ให้กับคุณค่ะ”
A-LISA
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
➡ สมัครด่วน (รับจำนวนจำกัด)

มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ

Line ID: @a-lisa.net