9,044
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หายไปสักพัก ไม่ได้เขียนบทความและไม่ได้โพสต์เฟสบุ๊ค และใช้สื่อโซเชียลใดๆเลย สาเหตุเป็นเพราะว่ามีเรื่องต้องต่อสู้กับหัวใจตัวเองอย่างหนัก ในช่วงที่เงียบหายไป มีสิ่งเดียวที่ทำก็คือการอ่านหนังสือ อ่านๆๆ แล้วก็อ่าน อ่านเพื่อค้นหาข้อมูล อ่านเพื่อค้นหาตัวเองให้เจอว่า…
สิ่งไหนกันแน่ที่เราต้องการจะทำ เป้าหมายชีวิตของเราที่แท้จริงคืออะไร เราจะใช้ชีวิตินับจากวันนี้จนวันสุดท้ายของชีวิตแบบไหนกัน (ออกแนวค้นหาสัจธรรม)
สาเหตุที่ต้องหยุดอยู่นิ่งๆ อยู่กับตัวเองเพราะปัญหาหลายอย่างมันรุมเร้าซะเหลือเกินค่ะ จึงคิดว่าถอยตัวเองออกจากปัญหา ค่อยๆมองปัญหา แล้วหาทางแก้ไขไปทีละจุดจะดีกว่า แล้วให้เวลาเป็นตัวช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น
ในช่วงที่หยุดอยู่กับตัวเอง แล้วไปค้นหาหนังสือมาอ่าน ก็ไปเจอหนังสือของ Alvin Toffler เป็นชุดหนังสือที่กล่าวถึงความพยายามในการเปลี่ยนแปลงของโลก
คลิกอ่านต่อ ที่นี่
Alvin Toffler เป็นนักพยากรณ์อนาคต เขาคือนักคิดและนักเขียนแนวอนาคตศาสตร์ที่น่ายกย่องแห่งศตวรรษ เขามีความสามารถสรุปแนวโน้มต่างๆในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ได้อย่างชัดเจนและมองเห็นความเปลี่ยนแปลงต่างๆในโลกที่คนทั่วไปมักมองไม่เห็น ปัจจุบันเขาเสียชีวิตแล้วในขณะนอนหลับอยู่ที่บ้าน ด้วยวัย 87 ปี
เขามีผลงานเขียนต่างๆที่มีชื่อเสียง โดยเริ่มตั้งแต่ ฟิวเจอร์ช็อค (Future Shock) (พ.ศ. 2513) คลื่นลูกที่สาม (Third Wave) (พ.ศ.2523) และอำนาจใหม่ (Power Shift) (พ.ศ. 2533) มิติทางด้านเวลาของหนังสือชุดนี้ครอบคลุมราว พ.ศ. 2493 – พ.ศ. 2578 Alvin Toffler เป็นนักคิดที่มีชื่อเสียงและนักอนาคตศาสตร์ชื่อดังระดับโลก เขาได้รับเชิญให้เป็นที่ปรึกษาประธานาธิบดีคลินตัน หนังสือของเขามีอิทธิพลต่อผู้นำประเทศหลายท่าน ผู้นำระดับโลกขณะนั้นเช่นนายกฯมิคะอิล โคบาชอฟแห่งสหภาพโซเวียต นายกฯจีนจ้าวจื่อหยาง กูรูธุรกิจและอภิมหาเศรษฐีชาวเม็กซิกัน คาร์ลอส สลิม ต่างก็ต้องวิ่งมาหาเขาเพื่อขอคำแนะนำและคำอธิบายว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร
เขาผู้นี้คือคนที่พยากรณ์การเกิดของอินเตอร์เน็ตและพลังของเทคโนโลยี ที่จะมีผลต่อการเมือง สังคมและเศรษฐกิจอย่างกว้างไกลก่อนที่ใครๆจะเชื่อว่าโลกจะผันแปรไปได้ไกลขนาดนี้ ก่อนหน้าที่คนจะรู้จักอินเตอร์เน็ตและ iPhoneยังไม่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ หนังสือ ฟิวเจอร์ช็อค(ออกปี ค.ศ.1970) ของเขาขายได้ถึง 15 ล้านเล่ม หลังจากนั้นหนังสือคลื่นลูกที่สาม (Third Wave)ของเขาที่ออกในปี ค.ศ.1980
เสนอมโนทัศน์ว่าวันหนึ่งโลกจะมีอีเมลใช้ติดต่อสื่อสารกันอย่างกว้างขวาง การสื่อสารมวลชนจะเข้าสู่การปฏิวัติครั้งใหญ่ พลังแห่งดิจิตอลจะเขย่าโลกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน คนจะสื่อสารกันผ่าน Online Chatroom ใครที่อ่านหนังสือของเขาในตอนนั้นคงมองว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อฝัน ประโยคเด็ดของ Alvin Toffler เขียนไว้ว่า “The illiterate of the 21st century will not be those who cannot read and write but those who cannot learn, unlearn and relearn…”
“คนไร้การศึกษาของศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่คนอ่านไม่ได้เขียนไม่ออก แต่เป็นคนที่ไม่สามารถจะเรียนรู้แล้วลบสิ่งที่เรียนรู้มาเพื่อเรียนรู้ใหม่นั่นเอง” แปลความว่า ใครที่ไม่พร้อมจะเปลี่ยนวิธีคิดและปรับทัศนคติของตัวเอง จากของเดิมย่อมกลายเป็นไดโนเสาร์ในยุคสมัยใหม่
แนวคิดของAlvin Toffler ใน หนังสือคลื่นลูกที่สาม (The Third Wave)กล่าวโดยสรุปว่า
Fist Wave หรือคลื่นลูกแรกของมนุษยชาติ เป็นสังคมเกษตกรรมที่ดำรงอยู่มาเป็นเวลาช้านานนับพันๆปี มนุษย์เริ่มหยุดล่าหันมาทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ เป็นจุดเปลี่ยนการดำรงชีวิตของมนุษยชาติครั้งใหญ่ที่หยุดชีวิตแบบเร่รอน หันมาทำการเกษตร เกิดวิถีชีวิตแบบการรวมกลุ่ม ก่อเกิดสังคม พัฒนาสู่การสร้างวัฒนธรรม เมื่ออาหารที่เกิดจากการผลิตเริ่มมีอย่างเหลือล้น เกิดพัฒนาสั่งสมองค์ความรู้และพัฒนาไปสู่การสร้างความั่งคั่งต่อสังคมและเศรษฐกิจในคลื่นระลอกนี้ การเป็นเจ้าของและครอบครองที่ดินและแหล่งผลิตเกษตรกรรม ถือเป็นกุญแจสร้างความั่งคั่งทางเศรษฐกิจ
Second Wave หรือคลื่นลูกที่สอง กล่าวถึงยุคหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม ความสำคัญเน้นที่การผลิตและตลาดขนาดใหญ่ ใช้เครื่องจักรเพื่อเพิ่มจำนวนผลผลิต ภาคการจัดส่งและกระจายสินค้าไปยังช่องทางต่างๆ คลื่นลูกนี้ เป็นยุคที่เกิดการขยายตัวทางการค้าและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมากภายใต้แรงขับดันจากเทคโนโลยีเครื่องจักรเป็นองค์ประกอบสำคัญ มีอิทธิพลต่อความเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมเป็นอย่างมาก
The Third Wave หรือคลื่นลูกที่สาม กล่าวถึงยุคของการปฏิวัติข้อมูลข่าวสาร เป็นยุคแห่งการเชื่อมโยงและเข้าถึงข้อมูลจากทุกหนทุกแห่ง มีองค์ประกอบพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเข้ามารองรับ ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์และโครงสร้าง โทรคมนาคม เกิดเป็นชุมชนเครือข่าย ผู้คนในแต่ละมุมโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆในเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันได้ เรียกว่าอินเตอร์เน็ต เป็นจุดเริ่มการแห่งการเปลี่ยนและเกิดเป็นระบบเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ที่ขับเคลื่อนอยู่บนเครือข่าย และเกิดการเชื่อมโยงและวิวัฒนาการไปสู่การพัฒนาในด้านอื่นๆของวิถีชีวิต
ประเทศไทยของเราขณะนี้กำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคของเทคโนโลยีสารสนเทศ นโยบายของรัฐบาลปัจจุบันที่ผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” เป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ Value-Based Economy หรือ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม” โดยมีฐานคิดหลักคือ เปลี่ยนจากการผลิตสินค้า “โภคภัณฑ์” ไปสู่ สินค้าเชิง “นวัตกรรม” เปลี่ยนการขับเคลื่อนประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรม ไปสู่การขับเคลื่อนด้วย เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม และเปลี่ยนจากเน้นภาคการผลิตสินค้า ไปสู่การเน้นภาคบริการมากขึ้น
จึงคิดว่าการนำหลักคิดจากหนังสือของ Alvin Toffler มากล่าวในช่วงนี้น่าจะเหมาะสมที่สุด เมื่อคนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตได้มากขึ้น เป็นสังคมบริโภคข่าวสาร ผู้ที่สามารถใช้ Information เพื่อโน้มน้าวใจลูกค้าได้มากกว่า คือ “ผู้ชนะ”
ตอนนี้โลกกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคที่ 4 ปัจจัยสำคัญแห่งยุคนี้คือ ความรู้ (Knowledges) ในยุคนี้การป้อนข้อมูลและรับข้อมูลข่าวสารจะเร็วขึ้น คนที่สามารถคัดเลือก Information ที่ดีที่สุดมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่า ก็มีโอกาสพัฒนาได้มากกว่า ว่าแต่พวกเราเตรียมตัวพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงกันหรือยังค่ะ
เมื่อคิดถึงประโยคฮิตที่ว่า “คนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด” ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ที่มาที่ไปว่าผู้ใดเป็นคนสำรวจ และไม่อาจเชื่อถือได้ว่าเป็นความจริง แต่ก็เป็นประโยคที่ใช้ประชดประชันสำหรับความขี้เกียจอ่านของคนไทยในสังคมออนไลน์และสังคมจริง จนมีวลีเด็ดว่า “ยาวไปไม่อ่าน” ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างยิ่ง และเห็นหลายคอนเทนส์ในโลกออนไลน์ที่ทำออกมาเพื่อเอาใจกลุ่มเป้าหมายที่ไม่สนใจรักการอ่าน โดยการนำรูปภาพมาสื่อความหมายพร้อมกับวลีเด็ดๆที่เข้าใจว่าจะเรียกร้องความสนใจให้คนในสังคมออนไลน์ได้หยุดสายตาสัก 3วินาที แล้วมันจะเกิดคุณค่าอะไร เมื่อเราเห็นสิ่งนั้นผ่านตาเพียงแค่ผิวเผิน ไม่สนใจแสวงหาความรู้อย่างลึกซึ้ง
บทส่งท้ายของบทความนี้ มีคำตอบสำหรับคำถามของหัวใจตัวเองได้แล้ว ว่าอะไรกันแน่ที่เราต้องการที่จะทำมันจริงๆ มันไม่มีอะไรมาก แค่ทำตามที่เสียงของหัวใจเรียกร้อง โดยการเขียนบทความที่แบ่งปันความรู้จากประสบการณ์ของตัวเองผ่านเว็บ A-LISA.NET เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมสนับสนุนให้คนมีความฝันอยากเป็นเจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็ก มีหัวใจที่รักการอ่าน อยากทำสิ่งที่ทำแล้วรู้สึกสนุก อยากนอนตื่นในทุกเช้า แล้วเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีความสุข ถ้าใครมีความรู้สึกแบบนี้ในชีวิตประจำวันแล้ว แสดงว่าคุณกำลังเจอสิ่งที่ใช่ จงทำมันต่อไป แล้ววันหนึ่งความสำเร็จจะวิ่งมาหาคุณเอง
“คุณสามารถเปลี่ยนตัวเองจากคนธรรมดาให้กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ แค่เพียงมีความรู้ มีแรงบันดาลใจ และมีความสุข ฉันอยู่ที่นี่เพื่อจะแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ให้กับคุณค่ะ”
A-LISA
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
➡ สมัครด่วน (รับจำนวนจำกัด)
มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ
Line ID: @a-lisa.net