การแบ่งปันความรู้คือพลังที่ยิ่งใหญ่ ช่วยกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
548
.
คนส่วนใหญ่ที่เกิดมาบนโลกใบนี้ก็อยากจะเป็นคนรวยด้วยกันทั้งนั้นแหละ ส่วนคนที่บอกว่ามีแค่นี้ก็ดีอยู่แล้ว ตายไปก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ อย่าไปทำอะไรมากนักเลยมันเหนื่อย ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีอย่าลงทุนดีกว่า อะไรประมาณนี้…
สำหรับฉันแล้วคนพวกนี้ลึก ๆในใจก็อยากเป็นคนรวยนั่นแหละ แต่ไม่มีความกล้าพอก็เลยเป็นได้แค่คนขี้แพ้ที่ไม่ได้มีน้ำยาอะไรเพราะกลัวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นลงมือทำอะไรเลย
ฉันไปอ่านเจอข้อความในบทความของคนที่ใช้ชื่อว่า “Goodful” ในแอปBlockdit ชื่อเรื่อง ” 4 ความจริง คนเรียนไม่จบมหา’ ลัย ไม่กลับมาเล่าให้คุณฟัง” เนื้อหาประมาณว่า คนส่วนใหญ่ดูตัวอย่าง บิลล์ เกตส์ กับสตีฟ จ๊อฟ ที่เรียนไม่จบแต่ก็ยังเป็นมหาเศรษฐีได้แล้วอยากทำตาม แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้มองลึกในรายละเอียดว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ทั้ง 2 คนต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนและทั้ง 2 คนเป็นคนเก่งโดยที่ไม่ต้องเข้าเรียนมหา’ลัยด้วยซ้ำ และเนื้อหาในบทความยังให้เหตุผลว่าการรับสมัครงานและสัมภาษณ์งานของHR จะต้องดูที่ใบปริญญา เกรดและกิจกรรมที่ทำในระหว่างเรียนเสียก่อน ส่วนคนที่ไม่มีปริญญาถ้ามีโอกาสได้รับการสัมภาษณ์ก็ต้องพิสูจน์ว่าทำไมตัวเองถึงเหนือกว่าผู้สมัครทุกคน แต่ที่เด็ดสุดและฉันชอบมาก ๆ คือผู้เขียนบอกว่าทุกวันนี้ไม่อยากเข้าร้านหนังสือไทย เพราะในนั้นเต็มไปด้วยหนังสือประเภท “How To รวยด้วยหุ้นใน 3 นาที่” หรือไม่ก็ “นอนทั้งวันก็รวยได้ ด้วยPassive Income” และก็มีคนซื้อหนังสือประเภทนี้ไปอ่านเยอะเสียด้วย คนสมัยใหม่นี่ “โง่” ไม่พอ แต่ยังเลือก “ขี้เกียจ” เพิ่มเข้าไปด้วย
นอกเรื่องไปเยอะเลยค่ะ สำหรับวันนี้มีความตั้งใจที่จะเขียนบทความในหัวข้อ “ราคาที่คุณต้องจ่าย ถ้าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ(เท่าไรละ?) ”
แสดงเนื้อหาเพิ่ม คลิกที่นี่
คงเป็นเพราะโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานจากทั้งนอกประเทศและในประเทศ บริษัทเอกชนต่างๆในประเทศไทยเราจึงต้องมีนโยบายรัดเข็มขัดต่างๆเพื่อความอยู่รอด บ้างก็ลดค่าใช้จ่าย ลดเงินเดือน บีบพนักงานเก่าที่รายได้สูงๆออก หรือบางที่ก็ให้ออกแบบดื้อๆเลย สุดแท้แต่สถานการณ์ขณะนั้นจะบีบบังคับ แล้วคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนล่ะ จะทำยังไงดี ซวยละสิ! ทีนี้ เงินเดือนที่เคยได้ก็ยังไม่ทันมีเหลือเก็บ รถก็ต้องผ่อน ค่าเช่าห้อง ค่าคอนโดก็ต้องจ่าย แต่จะทำไงได้ถ้าบริษัทเลิกจ้าง ก็ต้องออกน่ะสิ
ออกจากงานมาแล้วทำอะไรต่อดี เรียนโทต่อดีมั๊ยน๊า (เรียนจบแล้วจะไปทำอะไรต่อล่ะ?) บางคนมีเงินสักก้อนที่พอเก็บได้ ก็คิดอยากเปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเสื้อผ้า หรือคิดแบบล้ำๆให้ทันยุคไทยแลนด์ 4.0 หน่อย ก็จะขายสินค้าออนไลน์ ไม่มีความรู้ก็ไม่เห็นยากซะหน่อย มีคอร์สเปิดสอนเยอะแยะ ทำธุรกิจออนไลน์ง่ายนิดเดียว ทำธุรกิจออนไลน์ไม่ต้องใช้เงินลงทุน บลาๆๆๆ หรือคนที่มีเงินมากหน่อยก็คิดการใหญ่ ทำธุรกิจอพาร์ทเมนท์ ทำโรงแรมกันเลยดีกว่า ง่ายดี สร้างเสร็จแล้วก็เป็นเสือนอนกิน เก็บเงินอย่างเดียว หุหุ
สำหรับโลกบิด ๆเบี้ยว ๆใบนี้ที่เราอาศัยอยู่ มันมีเส้นทางที่จะทำให้เราเดินสู่ความร่ำรวยด้วยกันหลายเส้นทาง ขึ้นอยู่กับว่าตัวเรานั้นถนัดจะเดินทางแบบไหน และมีต้นทุนที่มากพอสำหรับราคาค่าผ่านทางที่ต้องจ่ายหรือเปล่า เส้นทางต่างๆนั้นก็ ได้แก่
- แต่งงานกับคนรวย วิธีนี้คงจะง่ายที่สุด โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นผู้หญิงและหน้าตาดี เข้าทำนอง สามีรวยช่วยเราได้ แต่ราคาค่างวดสำหรับเส้นทางนี้คือ คุณจะทนได้ไหมถ้าต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณไม่ได้รักตลอดชีวิตเพื่อแลกกับความสบาย
- ขายของผิดกฎหมายหรือคดโกงของคนอื่นมาเป็นของเรา ถ้าเลือกเส้นทางนี้สารอดีนาลีนของคุณคงได้หลั่งไหลตลอดเวลาเพราะความตื่นเต้นและต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าจะถูกจับได้เมื่อไหร่
- รวยเพราะได้มรดกจากเจ้าคุณย่า อันนี้เป็นเรื่องโชคดีของคนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด แต่หากคุณไม่ใช่ก็ต้องปากกัดตีนถีบกันต่อไป
- ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 โอ๊ว! อยู่ๆเทวดาก็เห็นใจ ส่งเงินมาให้เป็นล้านๆ จะมีสักกี่คนกันที่ในชีวิตจะได้เจอกับเรื่องราวแบบนี้ แต่… ช้าก่อน ถ้าหาก
- คุณยังไม่มีแผนการสำหรับเงินก้อนโตนี้ละก็ เตรียมใจไว้เลยว่าคุณจะได้เสพสุขกับมันได้ไม่นานหรอก อีกเดี๋ยวก็ได้กลับไปเป็นคนยากจนเหมือนเดิม
- เป็นดารา-นักร้อง เป็นนักกีฬา ไม่ใช่เรื่องยากถ้าคุณเป็นคนมีพรสวรรค์ในด้านนี้ แต่ถ้าคุณได้ลองศึกษาประวัติของพี่ไทเกอร์ วู้ด กว่าแกจะมาถึงจุดที่เป็นมือหนึ่งของโลก แกเริ่มหัดตีกอล์ฟตั้งแต่อายุ 3 ขวบนะ แล้วคุณล่ะ เริ่มตอนอายุเท่าไร?
- รวยด้วยความสามารถของตัวคุณเอง อันนี้สิเจ๋งจริงเป็นเส้นทางที่เดินยากที่สุด แค่คิดจะเริ่มต้นก็มึนตึ๊บ ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดี ยิ่งคนที่เคยเป็นพนักงานบริษัทออกมาทำธุรกิจของตัวเองยิ่งแล้ว แค่จะขายของสักชิ้นก็รู้สึกหน้าบาง กลัวเสียเชิงบ้างละ อายบ้างละ สุดท้ายก็ไปไม่รอดม้วนเสื่อเก็บกระเป๋า ไปหาสมัครงานทำต่อดีกว่า
มีบทความหลายเรื่องและหนังสือหลายเล่มที่ได้กล่าวอ้างถึงชีวิตในช่วงเริ่มต้นของมหาเศรษฐีของโลกเอาไว้ ยกตัวอย่างก็เช่น บิล เกตส์ เจ้าของไมโครซอฟต์ เริ่มต้นขายโปรแกรมทั้งที่ยังไม่มีเงินลงทุน มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก เปิดตัวเฟชบุ๊คครั้งแรกในหอพักของเขาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และแจ๊ค หม่า เจ้าพ่อE-commerce ยักษ์ใหญ่แห่ง Alibaba เริ่มต้นธุรกิจของเขาในอพาร์ทเม้นท์ และอีกหลายๆท่านที่ไม่สามารถจะกล่าวถึงได้หมด แต่ที่ยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างก็เพราะอยากให้คุณรู้ว่า ไม่ต้องรอให้พร้อม อยากทำอะไรเริ่มต้นลงมือเลย เพราะต้นทุนที่แพงที่สุดก็คือ”เวลา”
เคยคุยกับข้าราชการที่เกือบครบอายุเกษียณแล้วท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าตอนนี้กำลังศึกษาวิธีการทำธุรกิจตัวหนึ่งอยู่ ค่อยๆศึกษาไปเรื่อยๆไม่รีบ เพราะคนเราจะทำอะไรสักอย่างต้องมีความรอบคอบ เหมือนเราค่อยๆหยิบน้ำใส่ในถังน่ะ ถ้ามันเต็มเมื่อไหร่เราก็ลงมือทำทันทีเลย เอ่อ! ท่านคะ ตอนนี้ใกล้ครบกำหนดเกษียณราชการแล้วนะคะ ท่านจะรอไปอีกกี่ปีค่ะ กว่าจะหยิบน้ำได้เต็มถัง กว่าจะได้เริ่มต้นไล่ตามความฝัน ท่านจะไหวไหมค๊า
ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมค่ะ ว่าราคาที่คุณต้องจ่ายสำหรับคนที่อยากทำธุรกิจ ก็คือ”เวลา” นั่นเอง และมันสำคัญมากที่คุณต้องทุ่มเทและอุทิศเวลาสำหรับเก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์ เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบสำหรับการตัดสินใจลงทุนในการทำธุรกิจอะไรสักอย่างที่คุณอยากเป็นเจ้าของ และยิ่งคุณเริ่มต้นจากสองมือเปล่า สิ่งสำคัญที่คุณต้องมีควบคู่ไปด้วยก็คือ ความฝัน การอุทิศตน แรงขับเคลื่อน ข้อมูล และเงินทุน
อ่านมาถึงบทสรุป หลายท่านคงจะแย้งว่า ข้อมูลกับเงินทุนต้องอยู่ในลำดับต้นๆสิ เพราะคนที่มีโอกาสในการสร้างธุรกิจมากกว่า ก็คือคนที่เรียนจบสูงๆมาจากสถาบันดีๆ หรือพวกคนรวยที่มีเงินต่อเงิน แต่รู้ไหมคะว่านี่เป็นเพียงแค่ข้ออ้างของคนขี้แพ้ ที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นก็ใจฝ่อซะแล้ว ความจริงก็คือ ข้อมูลและเงินนั้นได้มาจากการเริ่มต้นมีความฝัน อุทิศตนอย่างสุดกำลังและแรงขับเคลื่อนจากพลังภายในใจมหาศาลเพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมายและเส้นชัยค่ะ
“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
เพื่อแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
➡ สมัครด่วน (รับจำนวนจำกัด)

มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ

Line ID: @a-lisa.net
การแบ่งปันความรู้คือพลังที่ยิ่งใหญ่ ช่วยกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ