ถ้าโรงแรมของคุณตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมคู่แข่ง คุณจะมีกลยุทธ์อะไรเพื่อดึงดูดใจให้ลูกค้ามาพักโรงแรมของคุณ?
คลิกอ่านต่อ ที่นี่
คุณเชื่อไหมค่ะว่า ในวันที่ฉันกำลังเขียนบทความนี้ (29/4/65) เป็นวันที่ชีวิตของฉันกำลังเจอกับปัญหาและความท้าทายหลายด้านเอามาก ๆ แต่ฉันคงจะไม่สามารถเล่าให้คุณฟังได้ทั้งหมดหรอกนะคะ ว่าบททดสอบชีวิตของฉันที่ต้องเจอนั้นมีอะไรบ้าง เอาเป็นว่าฉันจะบอกคุณสักเรื่องก็แล้วกัน
นอกจากปัญหาและความท้าทายเรื่องธุรกิจการงานแล้ว ในวันนี้ครอบครัวของฉันก็ไม่สามารถหลบหลีกโรคระบาดที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนี้ได้เช่นกันค่ะ พ่อกับแม่ของฉันติดเชื้อ Covid-19 พร้อมกันเมื่อสองวันก่อนนี้ ส่วนตัวฉันนั้นหลังจากที่ตรวจด้วยชุด ATK แล้วปรากฎว่าไม่พบเชื้อ แต่วันนี้เมื่อช่วงเช้าฉันมีอาการปวดหัวตัวร้อนนิดหน่อยคาดว่าน่าจะเกิดจากอากาศเปลี่ยนแปลง (วันนี้ฝนตกปรอยๆ) พ่อกับแม่ต้องเข้าไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ ทำให้ฉันต้องวิ่งวุ่นทั้งดูงานโรงแรมและงานอื่นๆ และยังต้องเอาอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ และสารพัดอย่างที่ท่านจะสั่งไปส่งที่โรงพยาบาลอีกอย่างน้อยวันละ 2 รอบ และฉันยังต้องตั้งสติรับมือกับปัญหาเรื่องงานบางอย่างที่ลุกลามเป็นไฟลนก้น นับว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่วิกฤตของชีวิตฉันก็ว่าได้
วันนี้ฉันลุกขึ้นจากที่นอนเมื่อตอนสาย ๆ เพราะต้องรับโทรศัพท์จากผู้สมัครเรียนหลักสูตรเจ้าของโรงแรมฯ ท่านหนึ่ง หลังจากพูดคุยโทรศัพท์กันเสร็จแล้วฉันจึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาพลิกอ่านดูเล่น ๆ แล้วฉันก็ไปเจอข้อความหนึ่งบนหน้าหนังสือค่ะ ใจความว่า “วิกฤตคือการเริ่มต้นใหม่ ขอแค่หัวใจเราไม่หยุดฝัน” เมื่อได้อ่านข้อความนี้และรายละเอียดปลีกย่อยของผู้เขียนก็ทำให้ฉันมีสติตื่นรู้ขึ้นมาทันที ฉันจะมัวจมอยู่กับความกลัวและวิตกกังวลไม่ได้อีกแล้ว หมดเวลาสำหรับความกลัวและความวิตกกังวล มันถึงเวลาที่จะต้องลุกขึ้นสู้และใช้ชีวิตอย่างทุ่มเท หยุดคิดเรื่องของอดีต ไม่ต้องคิดกังวลถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่ฉันต้องใช้เวลาอยู่กับปัจจุบันขณะและทำสิ่งที่ควรทำให้ดีที่สุด ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เมื่อคิดได้ดังนี้ ฉันจึงลุกขึ้นจากที่นอนเพื่ออาบน้ำแต่งตัวและกินข้าวเที่ยง จากนั้นก็หยิบสมุดกับดินสอขึ้นมาร่างเนื้อหาบทความ (ฉันมักจะร่างเนื้อหาของบทความด้วยดินสอบนสมุดก่อนทุกครั้งค่ะ) และในที่สุดก็เปิดโน๊ตบุคพิมพ์บทความที่คุณกำลังอ่านอยู่ในตอนนี้ค่ะ
ดังนั้น ถ้าคุณมีความฝันของตัวเองว่าอยากจะสร้างธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ทสักแห่งหรือมีธุรกิจนี้อยู่แล้ว แต่กำลังเจอกับวิกฤตและความท้าทายต่าง ๆ อยู่ในตอนนี้ ฉันอยากขอให้คุณอย่าหยุดฝันและอย่ายอมแพ้ ไม่มีอะไรจะต้านทานความสำเร็จของคุณได้ถ้าคุณยอมเดิมพันและทุ่มเทกับมันจนสุดชีวิต
ฉันเล่าเรื่องของตัวเองให้คุณฟังก่อนเข้าเนื้อหาของบทความ ไม่ได้อยากให้คุณรู้สึกดราม่าตามหรอกนะคะ ถ้าคุณไม่อยากอ่านมันก็สามารถข้ามไปที่เนื้อหาของบทความได้เลยค่ะ แต่ฉันแค่อยากให้คุณรู้ว่าคนเรานั้นเมื่อชีวิตต้องเจอกับวิกฤตก็ต้องรู้จักหาวิธีรับมือกับมันให้ได้และมองหาโอกาสในวิกฤตนั้น สำหรับฉันแล้วเหตุการณ์ที่กำลังเจออยู่ในช่วงนี้มันคือบททดสอบความหนักแน่นของจิตใจอย่างแท้จริงค่ะ และมันคือบทเรียนครั้งสำคัญที่ทำให้ฉันนั้นต้องเชื่อมั่นและเชื่อใจตัวเองให้มากขึ้น และเชื่อว่า ความเชื่อ นั้นมันมีพลังและอานุภาพที่จะผลักภูเขาทั้งลูกได้จริงๆ
ตอนนี้ เรากลับเข้ามาสู่เนื้อหาของบทความ กลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าให้เข้าพักในโรงแรมของคุณในยุคที่การแข่งขันรุนแรง กันสักทีค่ะ
เมื่อทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเมื่องไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ทจึงเป็นธุรกิจในฝันของใครหลาย ๆ คน แล้วถ้าใคร ๆ ก็สร้างธุรกิจโรงแรมขึ้นมาแข่งขันกันมากมายขนาดนี้แล้วจะมีลูกค้ามาใช้บริการโรงแรมของคุณหรือเปล่า?
จากประสบการณ์การทำธุรกิจโรงแรมมาหลายปีของฉัน ฉันขอบอกพวกคุณในที่นี้เลยนะคะว่าฉันไม่เคยกลัวโรงแรมคู่แข่งเลยจริง ๆ แต่คู่แข่งที่แท้จริงของฉันก็คือตัวของฉันเอง ดังนั้น ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมคุณก็ไม่ต้องไปกลัวคู่แข่งค่ะ แต่คุณต้องแข่งขันกับตัวเองด้วยวิธีการศึกษาหาข้อมูลว่าลูกค้าที่แท้จริงของคุณเป็นใคร? และคุณต้องศึกษาหาความรู้เติมให้กับตัวเองตลอดเวลา เพื่อให้บริการโรงแรมของคุณนั้นเหนือชั้นที่สุด เพราะถ้าบริการของคุณเป็นเลิศคุณก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของคุณจนพวกเขายินดีกลับมาใช้บริการอีกครั้งหรืออาจใจดีแนะนำคนรู้จักให้มาเป็นลูกค้าของคุณอีกด้วย และในบทความนี้ฉันจึงนำ 2 กลยุทธ์มาแบ่งปันกับคุณค่ะ
กลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าให้เข้าพักในโรงแรมของคุณ ในยุคที่การแข่งขันรุนแรง
กลยุทธ์ที่ 1 กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจน
คุณต้องรู้ว่าลูกค้าของธุรกิจโรงแรมคุณนั้นเป็นใคร เมื่อคุณรู้ว่าลูกค้าของคุณเป็นใครคุณจะได้ศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างชัดแจ้ง แล้วคุณก็จะสามารถกำหนดบริการและราคาค่าห้องพักได้ตรงใจกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
ฉันขอยกตัวอย่างให้คุณเห็นภาพของการกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนขึ้น ดังนี้ค่ะ
- กลุ่มลูกค้านักธุรกิจ
ลูกค้านักธุรกิจเดินทางมาเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ เช่น เดินทางมาเพื่อร่วมประชุมสัมนา เจรจาการค้า ศึกษาดูงาน เป็นต้น พฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ได้แก่
- เดินทางเพื่อความต้องการทางธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
- มีเวลาจำกัด จึงต้องการบริการที่สะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ตรงต่อเวลา
- มีประสบการณ์การเดินทางมาก มีทักษะความรู้และการศึกษาดี จึงมีความคาดหวังสูง หากบริการไม่เป็นไปตามที่คาดหวังอาจมีการร้องเรียนได้
เหตุผลในการเลือกที่พักของกลุ่มลูกค้านักธุรกิจ ได้แก่ ทำเลที่สะดวก ราคาห้องพัก ชื่อเสียงของโรงแรม การบริการที่ดี และความสะอาด
ความต้องการด้านห้องพักของลูกค้ากลุ่มธุรกิจ เช่น
- ในห้องมีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งทำงาน
- มีบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงและปลั๊กไฟสำหรับต่อพ่วงกับอุปกรณ์ต่าง ๆ
- มีศูนย์บริการทางธุรกิจ
- ห้องประชุมขนาดต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของธุรกิจ
2. กลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยว
กลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยว สามารถแบ่งแยกย่อยเพื่อศึกษาพฤติกรรมและความต้องการออกเป็นแต่ละประเภท ดังนี้
- นักท่องเที่ยวคนโสดและเดินทางคนเดียว นิยมการท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมต่าง ๆ รวมอยู่ด้วย และต้องการพบปะเพื่อนใหม่ ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การให้บริการของโรงแรมที่เหมาะกับพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มนี้ เช่น มีพื้นที่ส่วนกลางไว้พบปะกัน จัดห้องอาหารที่เอื้อให้แขกได้ทำความรู้จักกัน จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อให้แขกได้มีส่วนร่วม เช่น จัดโปรแกรมไปชมสถานที่ต่าง ๆ ร่วมกัน เป็นต้น
- นักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นคู่ อาจเป็นคู่รัก คู่หมั้น คู่สมรส นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะมีความต้องการความเป็นส่วนตัวสูง บรรยากาศที่โรแมนติก โรงแรมอาจมีบริการพิเศษเพื่อให้คู่รักเกิดความประทับใจ เช่น จัดเตรียมเครื่องดื่มไว้บริการฟรี หรือมีของขวัญพิเศษมอบให้ เป็นต้น
- นักท่องเที่ยวแบบครอบครัว นิยมเดินทางไปกับลูก ๆ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความอ่อนไหวเรื่องราคามาก เพราะเงินที่ใช้เพื่อการท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากการเก็บออม จึงพิถีพิถันในการเลือกแหล่งท่องเที่ยว ปัจจัยในการเลือกโรงแรมคือ มีห้องขนาดพอเหมาะ สามารถเสริมเตียงสำหรับลูก ๆ ของพวกเขาได้ มีบริเวณสำหรับเด็กเล่น เช่น สนามเด็กเล่น หรือสระว่ายน้ำ เป็นต้น
- นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มคนทำงานที่เกษียณแล้ว มีอายุประมาณ 55 ปีขึ้นไป นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความต้องการที่พักที่สะดวกสบาย ต้องการห้องพักชั้นล่าง ห้องปลอดบุหรี่ บริเวณโรงแรมมีไฟที่มีแสงสว่างเพียงพอ ป้ายของโรงแรมที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และมีบริการพิเศษสำหรับคนสูงอายุ เช่น ประตูที่เปิดได้กว้างพอสำหรับรถเข็น มีราวจับในห้องนำ้ เป็นต้น นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ อาจมีความอ่อนไหวด้านราคาบ้างเพราะต้องประหยัดค่าใช้จ่าย นิยมเดินทางนอกฤดูท่องเที่ยวเพื่อให้ได้ราคาลดพิเศษ แต่ก็มีเวลาวางแผนท่องเที่ยวเดินทางได้มากเนื่องจากเกษียณแล้ว
- นักท่องเที่ยวแบบกลุ่ม มีจำนวนตั้งแต่ 15 คนขึ้นไป การเดินทางแบบกลุ่มมักมีการวางแผนโปรแกรมล่วงหน้าตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดการเดินทาง นักท่องเที่ยวแบบกลุ่มต้องการบริการแบบกลุ่มที่แยกจากลูกค้าทั่วไปเพื่อการบริการที่รวดเร็วขึ้น เช่น มีจุดลงทะเบียนท่องเที่ยวแบบกลุ่ม หรือมีพนักงานของโรงแรมที่มีหน้าที่ประสานงานกับหัวหน้ากลุ่มโดยตรงเพื่อการบริการที่สะดวกขึ้น
กลยุทธ์ที่ 2 รักษาลูกค้าเก่า
กลยุทธ์รักษาลูกค้าเก่าเป็นการสร้างความภักดีของลูกค้า เคยมีโรงแรมแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาทำการวิจัยเรื่องนี้และพบว่า โรงแรมต้องใช้เงิน 2.5 เหรียญเพื่อทำการตลาดให้ลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการอีก แต่ต้องใช้เงินถึง 15 เหรียญในการทำการตลาดกับลูกค้าใหม่
การทำตลาดกับลูกค้าเก่าให้กลับมาใช้บริการโรงแรมซ้ำนั้นง่ายกว่าการหาลูกค้าใหม่ค่ะ ถ้าหากว่าลูกค้าพึงพอใจและไว้วางใจกับการบริการของโรงแรมในการเข้าพักครั้งแรก และไม่ใช่แค่การกลับมาใช้บริการซ้ำเท่านั้น แต่พวกเขายังได้บอกต่อแบบฟรี ๆ ให้กับญาติพี่น้องคนรู้จักอีกด้วย และการตลดแบบบอกต่อนี้สามารถหว่านเพาะความภักดีของลูกค้าและสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจโรงแรมของคุณในระยะยาวอีกด้วย
ตัวอย่างการรักษาลูกค้าเก่า ได้แก่
- การส่งการ์ดอวยพรวันเกิดให้ลูกค้า
- มีบริการเสริมพิเศษเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าตนเองเป็นลูกค้า VIP
- การบริการลูกค้าด้วยหัวใจรักบริการ
- การสนับสนุนประเด็นที่ลูกค้าสนใจ เช่น การใช้วัสดุตกแต่งจากธรรมชาติ การตกแต่งสไตล์โบราณย้อนยุค การสนับสุนชุมชน เป็นต้น
หวังว่ากลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าให้เข้าพักโรงแรมของคุณทั้ง 2 กลยุทธ์ที่ฉันนำมาแบ่งปัน จะเป็นไอเดียและแนวทางให้คุณนำไปปรับใช้กับโรงแรมของคุณให้มีลูกค้าหลั่งใหลเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากนะคะ คุณไม่ต้องกลัวคู่แข่งค่ะ เพราะคู่แข่งที่สำคัญที่สุดคือตัวคุณเอง คุณกล้าพอที่จะเอาชนะใจตัวเองแล้วลงมือทำเพื่อเดินหน้าสร้างธุรกิจโรงแรมให้ประสบความสำเร็จหรือเปล่า? และถ้าคุณนำ 2 กลยุทธ์นี้มาปรับใช้ คุณก็จะตอบคำถามได้ว่า โรงแรมของคุณมีดีตรงไหน ทำไมลูกค้าถึงเลือกมาพักกับคุณ
“ 2 สิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ คือความรู้และแรงบันดาลใจ โดยมีเป้าหมายคือความสุข”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
หากคุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
มาร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันกับหลักสูตร เจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็ก ใคร ๆ ก็เป็นได้
คอร์สอบรมที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมได้ ภายใน 2 วัน
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ