
มีคนเคยตั้งคำถามกับฉันว่า ตัวเองทำธุรกิจรีสอร์ทแล้วทำไมเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงต้องให้ไปขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมด้วย? เอ่อ… แล้วถ้าเป็นคุณจะตอบว่ายังไงดีคะ
และมีผู้เข้าอบรมในหลักสูตรเจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็กฯ กับฉันก็มีคำถามเช่นนี้เหมือนกันค่ะ เธอถามว่าอยากทำธุรกิจที่พักประเภท Poshtel แล้วจะต้องขอใบอนุญาตโรงแรมประเภทไหนดี?
คลิกอ่านต่อ ที่นี่
รับชมแบบคลิปวิดิโอบน YouTube
เพื่อไขข้อข้องใจของหลาย ๆ ท่านที่สงสัยกับชื่อเรียกพวกนี้และเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของเจ้าของธุรกิจโรงแรมบางท่านที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปขอใบอนุญาตโรงแรมประเภทใด เราจึงจะมาทำความเข้าใจชื่อเรียกของที่พักเหล่านี้ให้ลึกถึงกึ๋นกันในบทความนี้ค่ะ
ก่อนอื่นเรามารู้จักประเภทของโรงแรมตามกฎหมายโรงแรมกันก่อนนะคะ
กฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2551 บัญญัติไว้ว่า
สถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม
คือ สถานที่พักในอาคารเดียวกันหรือหลายอาคารรวมกันไม่เกิน 4 ห้อง และมีจำนวนผู้เข้าพักรวมกันไม่เกิน 20 คน ที่เปิดให้บริการแบบรายวันค่ะ
ถ้ากิจการที่พักของคุณเข้าข่ายนี้ คุณก็ไม่ต้องไปขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้วุ่นวายไปนะคะ แต่คุณก็อย่าชะล่าใจค่ะเพราะถึงยังไงคุณก็ต้องไปแจ้งต่อนายทะเบียนเพื่อขอใบอนุญาตประกอบกิจการที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมอยู่ดี
สถานที่พักประเภทโรงแรม
ที่พักประเภทโรงแรม แบ่งเป็น 4 ประเภท
1. โรงแรมประเภท ๑ หมายความว่า โรงแรมที่ให้บริการเฉพาะห้องพัก
2. โรงแรมประเภท ๒ หมายความว่า โรงแรมที่ให้บริการห้องพักและห้องอาหาร หรือสถานที่สำหรับบริการอาหารหรือสถานที่สำหรับประกอบอาหาร
3. โรงแรมประเภท ๓ หมายความว่า โรงแรมที่ให้บริการห้องพัก ห้องอาหารหรือสถานที่สำหรับบริการอาหารหรือสถานที่สำหรับประกอบอาหาร และสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ หรือห้องประชุมสัมมนา
4. โรงแรมประเภท ๔ หมายความว่า โรงแรมที่ให้บริการห้องพัก ห้องอาหารหรือสถานที่สำหรับบริการอาหารหรือสถานที่สำหรับประกอบอาหาร สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ และห้องประชุมสัมมนา
ดังนั้น ถ้าที่พักของคุณมีห้องพักที่เก็บค่าบริการรายวันมากกว่า 4 ห้องและมีจำนวนผู้พักมากกว่า 20 คนขึ้นไป คุณต้องไปขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้เรียบร้อยนะคะ คุณจะอ้างว่าคุณทำรีสอร์ท เพราะตั้งชื่อกิจการว่ารีสอร์ท กรณีแบบนี้ไม่ได้นะคะเพราะนายทะเบียนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเขารู้จักคำอยู่แค่ 2 ประเภทเท่านั้นค่ะ หนึ่งคือคำว่า สถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม และสอง คือสถานที่พักประเภทโรงแรมค่ะ
อ้าว! แล้วคำว่า รีสอร์ท บูทีคโฮเท็ล Hostel Poshtel คำเหล่านี้มันคือชื่อเรียกที่พักประเภทไหนกัน แล้วเราจะไปขอใบอนุญาตโรงแรมประเภทไหนดี?
ดังนั้น ในบทความนี้ฉันมีคำตอบมาเฉลยให้คุณหายข้องใจค่ะ ก่อนอื่นเรามาเริ่มจากเรื่องประวัติศาสตร์โรงแรมกันก่อนนะคะ เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจถูกต้องว่าคำเรียกที่พักประเภทต่าง ๆ เหล่านี้มันมีความหมายอะไรซ่อนอยู่ในนี้บ้างค่ะ
ชื่อเรียกที่พักประเภทต่าง ๆ
- โรงแรม หมายถึง สถานที่ประกอบการเชิงการค้าที่นักธุรกิจตั้งขึ้น เพื่อบริการผู้เดินทางในเรื่องของที่พักอาศัย อาหาร และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพักอาศัยและเดินทาง หรืออาคารที่มีห้องนอนหลายห้อง ติดต่อเรียงรายกันในอาคารหนึ่งหลังหรือหลายหลัง ซึ่งมีบริการต่าง ๆ เพื่อความสะดวกของผู้ที่มาพัก ซึ่งเรียกว่า “แขก” (guest)
คำว่า hotel หรือ โรงแรมมีที่มาจากภาษาฝรั่งเศสซึ่งแปลว่า คฤหาสน์ โรงแรมแห่งแรกในยุโรปคือ Hotel de Hanri IV (โฮเทล เดอ อองรี กัต) เมื่อปี ค.ศ. 1788 โดยในสมัยก่อนใช้คำว่า hôtel และภายหลังได้เปลี่ยนตัวโอมาเป็นโอปกติในภาษาอังกฤษเป็น hotel เหมือนปัจจุบัน (ข้อมูลจาก Wikipedia)
ในประเทศไทย คำว่า “โรงแรม” หรือ “hotel” ถูกใช้ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 4 โดยหม่อมราโชทัย ผู้ประพันธ์เรื่อง “นิราศลอนดอน” เป็นผู้นำคำว่า “โฮเต็ล” มาใส่ในบทประพันธ์ นิราศลอนดอน ทำให้คนไทยเริ่มใช้คำว่า “โฮเท็ล” หรือ “โรงแรม” นับแต่นั้นมา
- รีสอร์ท (Resort) เป็นที่พักที่ใช้พักผ่อนหรือนันทนาการสำหรับวันหยุดพักผ่อน แหล่งที่พักประเภทรีสอร์ทนั้นส่วนใหญ่จะปลูกสร้างอยู่ในบริเวณแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ มีรูปแบบการออกแบบตกแต่างที่เข้ากับธรรรมชาติ
ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของรีสอร์ทนั้น บอกว่ารีสอร์ทแห่งแรกของโลกเกิดขึ้นตั้งแต่ในยุคกรีกโบราณย่านเมืองตากอาการริมชายหาดที่มีบ่อน้ำพุร้อน (โห! บรรยากาศธรรมชาติในยุคนั้นคงจะสุดยอดจริง ๆ ) แต่พอยุคจักรวรรดิโรมันเสื่อมอำนาจลงในยุคกลาง ที่พักประเภทรีสอร์ทก็ได้รับการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งในยุคเรอเนซองค์และได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรป ต่อมาในศตวรรษที่ 20 รีสอร์ทก็แพร่หลายไปทั่วโลกเพื่อรองรับกลุ่มชนชั้นกลางที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากในยุค Baby Boomers คือช่างหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเองค่ะ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ต้องการผ่อนคลายความเครียดและหวาดกลัวสงคราม (เราก็ภาวนาว่าหลังจากที่เชื้อไวรัส Covid-19 อำลาจากโลกนี้ไปแล้ว ผู้คนก็จะได้ออกมาเที่ยวผ่อนคลายเหมือนคนยุค Baby Boomers บ้างนะคะ)
- บูติกโฮเต็ล (boutique hotel) คือโรงแรมขนาดกะทัดรัด มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 10-100 ห้อง แต่ละห้องอาจมีขนาดไม่ใหญ่ เรียกว่าใช้พื้นที่แบบ “the best out of small spaces” มักมีดีไซน์ที่แตกต่างและโดดเด่น หรืออาจมีธีมของการสร้างโรงแรมที่น่าสนใจ ขณะที่บางแห่งอาจดัดแปลงมาจากอาคารที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน หรือใช้บ้านเก่าของบรรพบุรุษมาดัดแปลง สร้างจุดขายด้วยการบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของบูติกโฮเต็ลคือมีขนาดเล็ก พนักงานจึงสามารถใส่ใจกับรายละเอียดของลูกค้าแต่ละคน และมีความใกล้ชิดกับลูกค้าทุกคนได้มากกว่าโรงแรมขนาดใหญ่
ตามประวัติศาสตร์ของบูติโฮเต็ลนั้นว่ากันว่าเริ่มต้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสและกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่โรงแรมที่ได้รับการยอมรับให้เป็น Boutique Hotel เจ้าแรกคือ Morgans Hotels ตั้งอยู่ในกรุงนิวยอร์ค โรงแรมแห่งนี้เป็นของนายสตีฟ รูเบล (Steve Rubell) เจ้าพ่อแห่งวงการดิสโก้ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วน STUDIO 54 ผับที่ดังที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในมหานครนิวยอร์ค เปิดเมื่อปี ค.ศ. 1977 เป็นแหล่งรวมของคนมีชื่อเสียง ดารา นักร้องและบรรดาเซเลปในยุคนั้น ซึ่งต่างก็มารวมตัวกันอยู่ในผับแห่งนี้
สตีฟ รูเบล ได้ซื้อโรงแรมเก่าๆ แห่งหนึ่งบนถนน Madison Avenue ใจกลางเมืองนิวยอร์ค และเขาได้ขอให้ อังเดร พัทแมน (Andree Putman) เป็นผู้ออกแบบตกแต่งโรงแรมให้ใหม่ภายใต้โจทย์ 2 ข้อ หนึ่งคือต้องปรับปรุงห้องพักของในโรงแรมแห่งนี้ให้สะดวกสบายและน่าอยู่อาศัย (ไม่ใช่เป็นแค่ที่ซุกหัวนอน) และสองคือต้องทำให้ได้ในงบประมาณต่ำ และอังเดร พัทแมนก็ได้ตอบรับข้อเสนอที่ท้าทายนี้ อังเดร พัทแมน เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ผิดต่อ “ความหรูหรา” เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงได้ เธอเลือกที่จะทำงานภายใต้กรอบที่จำกัด และไม่หลอกตัวเองด้วยภาพลักษณ์ของโรงแรมอื่นๆ ที่นิยมใช้ความหรูหราในการดึงดูดนักท่องเที่ยว และผลักดันแนวคิดทางการออกแบบที่ว่า “ความหรูหราสวยงามเป็นสิ่งที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้”
และในที่สุด Morgans Hotel โฉมใหม่ได้เปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการในปีค.ศ.1984 และอังเดร พัทแมน ได้รับการยกย่องว่า “เป็นคนแรกที่ริเริ่มออกแบบโรงแรม Boutique Hotel” และเป็นแรงบันดาลใจให้กับการออกแบบ Boutique Hotel ทั่วโลกในยุคต่อมา
- Hostel ถ้าคิดถึง Hostel แล้วเราคิดถึงอะไรค่ะ? ที่พักราคาถูก ห้องพักรวม เตียงนอน 2 ชั้น ทางเดินแคบๆมีล็อคเกอร์ติดผนังไว้ให้เก็บสัมภาระและห้องน้ำรวม สำหรับพื้นที่พักผ่อนก็จะมีพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางที่จัดไว้ให้ใช้ร่วมกัน สิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดไว้ให้ในห้องรวมก็ได้แก่ มุมดูทีวี มุมอินเตอร์เน็ต มุมอ่านหนังสือและแถมด้วยอาหารเช้าพออิ่มท้องอีกหนึ่งมื้อ สไตล์ที่พักแบบนี้อาจถูกใจนักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสพบเจอกับเพื่อนชาวต่างชาติต่างภาษา สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้อย่างสนุกเมามัน
ว่าด้วยเรื่องโฮสเทล(Hostel) เอาที่เข้าใจง่ายก็คือ โรงแรมที่พักสำหรับพวกแบ็กแพ็คเกอร์นั่นละคะ โดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ หลายชาติหลายภาษามารวมกัน โฮสเทลจึงเป็นศูนย์รวมเพื่อให้เพื่อนใหม่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ดังนั้น การสร้างบรรยากาศของโฮสเท็ลควรให้ความรู้สึกที่ดี สะอาด ปลอดภัย ได้อารมณ์เหมือนกำลังไปนอนบ้านเพื่อน ประมาณนั้น
- Poshtel
Postel มาจากคำว่า Posh ที่แปลว่ามีระดับ + Hotelที่แปลว่าโรงแรม รวมกันจึงกลายเป็นคำว่า Poshtel มีต้นกำเนิดมาจากโซนฝั่งยุโรปแล้วแพร่หลายไปยังเมืองท่องเที่ยวต่างต่าง ๆทั่วโลก ทั้งทวีปยุโรป เมริกาและแถบสแกนดิเนเวีย ในประเทศไทยก็เริ่มมีเข้ามาตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ๆ บ้างแล้ว เช่น กรุงเทพ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่
คอนเซ็ปต์ของ Poshtel คือเป็นโรงแรมที่มีการตกแต่งสถานที่ให้ดูหรูหราผสมกับการบริการที่เรียบง่ายสไตล์บูติกและมีบรรยากาศความเป็นกันเอง ราคาจ่ายได้สบายกระเป๋าแบบโฮสเทล
- Budget Hotel
เริ่มต้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นโรงแรมแบบประหยัดที่คิดค่าบริการไม่แพง ไม่เน้นบริการที่ครบครันอย่างเช่นโรงแรมร 4-5 ดาว ส่วนใหญ่แล้วห้องจะมีขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 18 – 25 ตารางเมตร และราคาไม่เกิน 1,500 บาท/คืน ราคาของห้องพักจะขยับขึ้นลงตามวัน และเพิ่มราคาสำหรับบริการเพิ่มเติม เช่น อาหาร เครื่องปรับอากาศ อินเทอร์เน็ต ทีวี(เก็บค่าไฟตามที่ใช้จริง) ฯลฯ
การเติบโตของบัดเจ็ตโฮเต็ล มาแรงตามกระแสของสายการบิน Low Cost Airline ที่เน้นเที่ยวบินถูก ที่พักราคาประหยัด เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของการท่องเที่ยวและเดินทางของผู้คนในยุคปัจจุบัน แม้แต่ ปตท.เองยังอยากที่จะลงมาเล่นในสนามนี้ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาหาพันธมิตรเครือโรงแรมอยู่ ตัวอย่างบัดเจ็ตโฮเต็ลในประเทศไทย เช่น B2, Lub D, Hop Inn นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ Tune Hotel ที่อยู่ในเครือของ Air Asia ที่เจาะกลุ่มนักเดินทางโดยสายการบินโลว์คอสต์ ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก
- Inn หมายถึง ที่พักขนาดเล็ก ตั้งอยู่ริมทาง ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่ม ในประเทศจีนเรียกว่า “โรงเตี๊ยม”
- Tavern หมายถึง ที่พักสำหรับคนเดินทางที่ใช้ม้าเป็นพาหนะ มีลักษณะเหมือนโรงเตี๊ยม
- Accommodation หมายถึง ที่พักที่จัดไว้ให้คนเดินทาง พร้อมมีบริการอาหารและเครื่องดื่ม
- Motel หมายถึง โรงแรมขนาดเล็ก ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายสำคัญ ๆ เพื่อให้บริการสำหรับนักเดินทางที่เดินทางโดยรถยนต์
- Lodge หมายถึง สถานที่ให้เช่าสำหรับพักอาศัยค้างคืนระหว่างเดินทาง ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม สระว่ายน้ำและคิดค่าเช่าเป็นค่าตอบแทน
- Guest House หมายถึง สถานที่ให้เช่าขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นห้องโถง ห้องน้ำรวมไม่มีบริการอื่น ๆ ราคาเช่าถูก
ทีนี้คุณคงจะรู้แล้วนะคะว่า ที่พักแต่ละประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ซึ่งความแตกต่างของที่พักนั้นก็เพื่อให้คุณเลือกสร้างประเภทของที่พักให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณที่สุดค่ะ เช่น คุณสร้างโรงแรมที่มีทำเลอยู่ในใจกลางเมือง อยู่ในย่านธุรกิจการค้า และมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักคือ พ่อค้าและนักธุรกิจ
ลูกค้ากลุ่มนักธุรกิจนั้น ต้องการที่พักที่มีความสะดวกสบาย มีความทันสมัย และมีความคาดหวังเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกในการช่วยทำงาน แต่ถ้าคุณตั้งชื่อที่พักของคุณและมีคำว่า รีสอร์ท พ่วงท้าย ลูกค้าก็จะสับสนว่าที่พักของคุณนั้นเหมาะสำหรับเอาไว้พักผ่อนมากกว่า ถึงแม้ว่าที่พักของคุณจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์สำหรับนักธุรกิจ แต่คำว่า รีสอร์ท จะทำให้พวกเขาสับสนค่ะ และอาจจะตัดสินใจไปเลือกที่พักที่อื่นที่ใช้คำว่า โรงแรม พ่วงท้าย เพราะมันสื่อความหมายได้ชัดเจนมากกว่าว่า เพราะคำว่า โรงแรม นั้นเหมาะจะเป็นที่พักสำหรับนักธุรกิจมากกว่าคำว่า รีสอร์ท ค่ะ
ถ้าคุณใช้คำว่า Hostel คุณก็จะเป็นที่หมายตาของลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวแบบแบคแพคเกอร์ หรือถ้าคุณใช้คำว่า บูทีคโฮเท็ล คุณก็จะได้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ชอบการท่องเที่ยวแต่เน้นความสะดวกสบายและคาดหวังว่าจะได้เห็นที่พักสวยสำหรับถ่ายรูปและ Check in ค่ะ ดังนั้นคุณต้องเลือกประเภทที่พักให้ตรงกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณนะคะ
“ 2 สิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ คือความรู้และแรงบันดาลใจ โดยมีเป้าหมายคือความสุข”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
หากคุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
มาร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันกับหลักสูตร เจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็ก ใคร ๆ ก็เป็นได้
คอร์สอบรมที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมได้ ภายใน 2 วัน
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ