
คนไทยจำนวนมากมักจะถูกสั่งสอนสืบทอดกันมานานแล้วเรื่องความเชื่อและให้ยึดถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เว้นแม้แต่การเลือกซื้อที่ดินและการปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ บนที่ดินผืนนั้นก็ต้องบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนเพื่อความเป็นสิริมงคล ดังนั้นเพื่อให้คุณสร้างธุรกิจโรงแรมได้อย่างราบรื่น ฉันจึงนำความเชื่อโบราณที่ถ่ายทอดและยึดถือกันมาอย่างยาวนานมาแบ่งปันค่ะ รู้ไว้ไม่เสียหลายนะคะ
แสดงเนื้อหาเพิ่ม คลิกที่นี่
อิทธิพลเรื่องความเชื่อถือนี้แม้จะไม่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ แต่เพื่อความสบายใจของทางฝั่งผู้ซื้อที่ดิน ผู้ขายที่ดินและผู้ที่จะปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ บนที่ดินผืนนั้นก็มักจะนิยมอ้างอิงหลักการความเชื่อที่มีมาแต่โบราณเหล่านี้เสมอ ซึ่งอิทธิพลความเชื่อโบราณนี้จะมาจากสองแหล่งด้วยกัน คือความเชื่อของคนไทยเองที่สืบทอดกันมาแต่โบราณและความเชื่อโบราณของคนจีนที่รู้จักกันในชื่อ “ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย” นั่นเองค่ะ
ช่วงที่ผ่านมา บทความที่เขียนก่อนหน้าจะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์โครงการและการบริหารเงินเป็นส่วนใหญ่ เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านที่ไม่เคยเรียนบริหารธุรกิจมาก่อนก็คงจะอ่านไปปวดหัวไป บางท่านก็อาจจะกวาดสายตาเพียงผ่าน ๆ ไปเท่านั้นเพราะรู้สึกงงกับตัวเลขหรือสูตรที่เคยไม่เห็นมาก่อน แต่หากคุณอยากจะเป็นนักธุรกิจมืออาชีพก็จำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องของการวิเคราะห์โครงการเอาไว้บ้างนะคะ เพื่อที่คุณจะได้คาดเดาสมติฐานออกว่าเมื่อนำเงินไปลงทุนในโครงการธุรกิจโรงแรมดังที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว ในโครงการนี้มีประมาณการรายรับและรายจ่ายอะไรบ้างที่คุณต้องรู้ และจะได้รู้ว่าเงินที่คุณลงทุนไปมีโอกาสได้ผลตอบแทนเป็นกำไรหรือว่าขาดทุนค่ะ
ถ้าอย่างนั้น ในบทความนี้เรามาอ่านเนื้อหาแบบเบา ๆ กันบ้างนะคะ เป็นเรื่องความเชื่อโบราณของคนไทยที่เอาไว้ใช้พิจารณาประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อที่ดินและการปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ค่ะ ซึ่งฉันคิดว่าข้อมูลเหล่านี้คุณผู้อ่านสามารถเอาไว้ใช้เป็นแนวทางการก่อสร้างบ้านสำหรับอยู่อาศัย การสร้างอาคารโรงแรมรวมทั้งการก่อสร้างอาคารเป็นหลัง ๆ ในรูปแบบรีสอร์ทรวมถึงเอาไว้ประกอบการพิจารณาเลือกที่ดินมาลงทุนในโครงการค่ะ
ความเชื่อตามแนวทางโบราณของไทยที่ยึดถือสืบทอดต่อ ๆ กันมา
มีดังนี้ค่ะ
ความเชื่อเกี่ยวกับรูปลักษณะการปลูกเรือน
- การปลูกเรือน ต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพราะแดดในเวลาเช้าจะไม่ค่อยร้นอนนัก เมื่อถึงยามเย็นตะวันคล้อยพื้นที่หน้าบ้านก็สามารถเอาไว้ใช้จัดเป็นสถานที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้ ส่วนบ้านที่หันหน้าทางทิศตะวันตก พอตกตอนบ่ายอากาศจะร้อนมากเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ส่อง ลองสังเกตดูนะคะว่าบ้านจัดสรรหรือตึกแถวที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกส่วนใหญ่จะขายไม่ค่อยออกค่ะ
- บานประตูบ้านให้เปิดเข้าไปด้านในเพราะเชื่อว่าถ้าทำบานประตูบ้านให้เปิดเข้าไปด้านในแล้วจะทำให้ทรัพย์สินเงินทองใหลเข้าไปในบ้าน และอีกนัยหนึ่งก็เชื่อว่าการทำบานประตูให้เปิดเข้าไปด้านในแบบนี้จะทำให้เจ้าของบ้านนั้นเกิดความปลอดภัย เมื่อถึงคราวเคราะห์มีโจรผู้ร้ายมาปล้นบ้านเวลาเปิดประตูเข้ามา บานประตูก็จะสามารถบังเจ้าของบ้านไว้ไม่ให้โจรเห็นได้
- บันไดบ้าน ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของผู้คนในบ้านทางด้านการเงิน โชคลาภ สุขภาพ ตามศาสตร์ความเชื่อเรื่องบันไดบ้านนั้น ท่านว่า “เลขคู่บันไดผี เลขคี่บันไดคน” ดังนั้นจำนวนขั้นบันไดต้องเมื่อนับรวมกันแล้วต้องเป็นเลขคี่ (นับเฉพาะขั้นบันไดที่มีลูกตั้งและลูกนอนเท่านั้น ไม่นับจุดพักบันได) ตามหลักวิทยาศาสตร์เขาบอกว่าบันไดเลขคี่นั้นจะช่วยป้องกันการสะดุดล้มได้เพราะคนบางคนชอบเดินบันไดควบทีละสองขั้น และขั้นบันไดจำนวนคี่ยังเหมาะสมกับสรีระมนุษย์ที่ต้องก้าวเท้าขึ้นลงบันไดด้วยเท้าคนละข้างอีกด้วย ตำแหน่งบันไดห้ามอยู่ตรงกับประตูทางเข้าโดยเด็ดขาด เพราะบันไดที่อยู่ตรงประตูจะเป็นการเปิดรับพลังงานที่ไม่ดีเข้าสู่ภายในบ้าน ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ มีผลเสียต่อสุขภาพ บันไดไม่ควรทำทางขึ้น 2 ฝั่งเพราะมีลักษณะเหมือนกับเมรุเผาศพ คนโบราณท่านกล่าวไว้ว่าอาจเป็นการชักชวนวิญญาณให้เข้ามาในบ้าน (บรื๋อ ๆๆ) บันไดไม่ควรตั้งอยู่กลางบ้าน เพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดอาการชีพจรลงเท้าอยู่ไม่ติดบ้าน ตำแหน่งบันไดที่ดีควรตั้งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดที่จะช่วยเปิดรับพลังงานบวกได้มากยิ่งขึ้น
- ทิศมงคลสำหรับจัดวางตำแหน่งของบ้านหรือตัวอาคาร ตามตำราทิศบอกว่าทิศตะวันออกและทิศใต้เป็นทิศที่เหมาะสมที่สุดเพราะถือว่าพระพุทธเจ้านั่งตรัสรู้ทางทิศตะวันออก ส่วนทิศใต้หรือทิศทักษิณนั้นเชื่อว่าเป็นทิศที่ควรค่าแก่การเคารพและถือเป็นทิศที่ดีที่สุด ส่วนทิศเหนือและทิศตะวันตกนั้นเรียกว่าเป็นทิศอวมงคล ทิศเหนือที่เรียกว่าเป็นทิศอวมงคลนั้นเพราะเป็นทิศสำหรับใช้เผาศพ ฝังศพ ส่วนทิศตะวันตกนั้นเชื่อกันว่าเป็นทิศสำหรับประหารนักโทษ
ลักษณะต้องห้ามที่ต้องพิจารณาก่อนปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างบนที่ดิน
ตามความเชื่อโบราณที่สืบทอดบอกต่อกันมาท่านว่า ลักษณะต้องห้ามเหล่านี้ห้ามไม่ให้ปลูกเรือน สร้างสิ่งก่อสร้าง หรือซื้อไว้ลงทุน ได้แก่
1. อย่าปลูกเรือนค่อมตอ
โบราณกล่าวว่าอย่าปลูกเรือนค่อมตอ เพราะคนโบราณเชื่อว่าต้นไม้ใหญ่นั้นมักจะมีเทพารักษ์สิงสถิตอยู่ หากต้นไม้ใหญ่ถูกตัดโค่นลงตอไม้เหล่านั้นก็อาจยังมีวิญญาณสิงสถิตอยู่ดังเดิม ซึ่งอาจมารบกวนแก่ผู้อยู่อาศัยทำให้เกิดความไม่สงบสุขได้ ซึ่งหากจะพิจารณาตามหลักเหตุผลแล้ว บริเวณที่มีตอไม้นั้นการขุดหลุมก่อสร้างทำได้ยากเนื่องจากรากไม้ที่ยังแข็งอยู่แม้ว่าลำต้นจะตายแล้วก็ทำให้ยากแก่การรื้อถอน แต่เมื่อตอไม้เริ่มผุพังลงก็อาจจะเป็นที่อยู่ของมด ปลวก สัตว์มีพิษต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ตอไม้นั้นอาจจะมีโอกาสงอกหน่อขึ้นมาใหม่ได้ภายหลังและแทงยอดขึ้นด้านบนจนทำให้ตัวบ้านได้รับความเสียหายได้
2. อย่านอนรอขวางตะวัน
คนโบราณจะไม่ให้ปลูกเรือนขวางทางทางการขึ้น-ลงของดวงอาทิตย์ หมายถึง การปลูกบ้านที่หันด้านข้างของบ้านไปทางทิศตะวันออกหรือตะวันตก เพราะเชื่อว่าผู้อยู่อาศัยจะอยู่ไม่เป็นสุข แต่ให้ปลูกเรือนโดยหันข้างเรือนไปทางทิศเหนือหรือทิศใต้จะเป็นมงคลอย่างยิ่ง และถ้าที่ของคุณคับแคบก็ต้องปลูกเรือนในแนวเฉียง จากความเชื่อของคนโบราณนี้ เมื่อพิจารณาตามหลักดินฟ้าอากาศแล้วจะพบว่า การหันแนวยาวของเรือนไปตามทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตกจะทำให้ตัวบ้านได้รับลมที่พัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นการลดพื้นที่ถูกแดดเผาในช่วงเวลาบ่าย ทำให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านรู้สึกเย็นสบาย ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
3. อย่าปลูกสร้างเรือนอกแตก
หมายถึง อย่าปลูกเรือนแฝด 2 หลังติดกันแต่หลังคาไม่เชื่อมต่อกัน เชื่อว่าจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดการทะเลาะวิวาท ไม่มีความสงบสุข เพราะลักษณะของเรือนอกแตกเวลาฝนตกน้ำจะไหลลงมารวมอยู่กลางหลังคา อุปมาว่ามีปัญหาอะไรก็จะสุมอยู่ที่คนกลาง
4. อย่าสร้างบ้านหน้าประจัญ
ตามตำรานี้บอกว่า อย่าสร้างบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างให้หันไปเผชิญกับหน้าวัด ศาลเจ้าซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือโรงพยาบาล เพราะสถานที่เหล่านี้มีพลังงานของคนจำนวนมากหลั่งใหลเข้ามา มีวิญญาณของคนเกิดคนตายมากมาย อีกทั้งยังมีเชื้อโรคที่จะถูกพัดพาเข้ามาทำให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านเจ็บป่วยได้ง่าย และอย่าสร้างบ้านประจัญทางสามแพร่ง คนโบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับทางสามแพร่งว่า เวลาแต่งงาน ถ้าเจ้าบ่าวเดินผ่านทางสามแพร่งก็ไม่รู้จะเลี้ยวไปทางไหน ต้องยืนรออยู่ตรงทางสามแพร่งอยู่นานสุดท้ายก็ไปไม่ทันฤกษ์แต่ง เวลาแห่ศพ ผีก็มักจะมายืนรออยู่ตรงทางสามแพร่งเพราะไม่รู้ทางที่จะไป พอขบวนแห่ศพเลี้ยวไปแล้วลืมเรียกผีไปด้วยผีก็ไม่รู้จะไปทางไหน สุดท้ายผีเลยตัดสินใจเดินเข้าบ้านที่อยู่ตรงทางสามแพร่งเพราะไม่มีที่ไป ซึ่งบ้านที่อยู่ตรงกับทางสามแพร่งนั้นเป็นจุดอันตราย เพราะเวลารถทุกคันขับผ่านไปมาไฟหน้ารถก็จะฉายเข้ามาภายในบ้านทำให้คนในบ้านรู้สึกหวาดผวาและเสียขวัญได้ตลอดเวลาทำให้อยู่แล้วไม่เป็นสุข
5. เรือนหลังหนึ่ง ห้ามทำประตู 4 แห่ง หน้าต่าง 9 แห่ง และห้ามมีประตูอยู่กลางบ้าน เพราะมันจะเหมือนศาลาวัด
6. จำนวนสิ่งต่าง ๆ ห้ามใช้จำนวนคู่
7. ไม่หันหัวเตียงทางทิศตะวันตก
8. ไม่ทำอาคารที่พักเป็นรูปตัวที (T)
9. บันไดไม่ลงทางทิศตะวันตก
10. ไม่ทำทางลอดใต้ห้องน้ำห้องส้วม
11. ไม่ทำภูเขาจำลองไว้ในบ้าน
12 . ห้ามใช้ช่อฟ้า ใบระกา เครื่องวัด เครื่องหลวงมาตกแต่งและเป็นส่วนประกอบของเรือน
13. ไม่ทำน้ำตกน้ำพุไหลเข้าตัวตึก
14. ห้ามใช้ไม้ตะเคียน ไม้มะค่ามาปลูกเรือน
15. ห้ามใช้เสาตกน้ำมัน
16. ห้ามตั้งศาลพระภูมิใต้เงาเรือน
17. ห้ามใช้เสาไม้มีตาในระยะ “เป็ดไซ้ ไก่ตอด สลักรอด หมูสี” ความเชื่อข้อนี้ คนโบราณท่านห้ามใช้เสาที่มีตาไม้ตรงตำแหน่ง เป็ดไซ้ ไก่ตอด สลักรอด หมูสี เพราะตาไม้นี้เนื้อไม้มักจะย้อน เมื่อนำมาถากเกลาให้ได้รูปอาจจะกะเทาะหลุดเป็นตำหนิจนกลายเป็นที่อยู่ของแมลงต่าง ๆ มด ปลวก แบบนี้เป็นต้น หากมีเป็ดมาไซ้ ไก่มาจิกตอดกินแมลง ก็จะทำให้ตาไม้มีรอยลึกและขยายวงกว้างออกไปอีก หากหมูเอาตัวมาสีตรงตาไม้นี้ก็จะเกิดสิ่งสกปรกมีดินโคลนมาอุดตรงรอยตาทำให้ตาไม้ได้รับความชื้นและผุพังได้ในที่สุด ความเชื่อโบราณที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาเป็นเรื่องเป็นราวอ่านแล้วก็เพลินดีนะคะ
18. ห้ามวางรูปพื้นเรือนในอัตราส่วนใกล้เคียงโลงศพ
19. ห้ามทำเตียงนอนขาสิงห์ เครื่องใช้ขาสิงห์ ซึ่งสมัยก่อนถือว่าเป็นสัญลักษณ์เทียมเจ้านาย
20. ห้ามทำทางเข้าหลักเวียนด้านซ้ายของอาคาร
ฯลฯ
นี่เป็นตัวอย่างบางส่วนของความเชื่อโบราณที่นำมาแบ่งปันให้อ่านกันค่ะ ส่วนจะเชื่อหรือไม่ก็สุดแท้แต่ท่านผู้อ่านจะใช้วิจารณญาณในการอ่านประกอบ แต่เมื่อเราเกิดเป็นคนไทย คำสั่งสอนของคนโบราณที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมานี้ก็ใช่ว่าจะเพิกเฉยได้โดยง่าย เพราะผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมต้องผ่านประสบการณ์เหล่านี้และพิสูจน์แล้วว่าส่ิงเหล่านี้เป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ควรบอกต่อและสืบทอดกันต่อไป หากเรานำมาคิดวิเคราะห์และพิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรเชื่อและนำไปปฏิบัติตามก็คงจะเป็นเรื่องดีเหมือนที่ท่านว่า เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัดค่ะ
“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
หากคุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
มาร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันกับหลักสูตร เจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็ก ใคร ๆ ก็เป็นได้
คอร์สอบรมที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมได้ ภายใน 2 วัน
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ