เวลาที่คุณต้องเดินทางไปยังต่างจังหวัด คุณมีปัจจัยและเหตุผลในการเลือกพักโรงแรมที่พักอย่างไรบ้างค่ะ และถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมที่พัก คุณมีปัจจัยอะไรบ้างเพื่อให้ลูกค้าเลือกเข้าพักในโรงแรมของคุณ
แสดงเนื้อหาเพิ่ม คลิกที่นี่
มีครั้งหนึ่งที่ฉันมีโอกาสเดินทางไปยังจังหวัดลพบุรีค่ะ เพื่อไปทำกิจธุระบางอย่างและถือโอกาสท่องเที่ยวโบราณสถานที่จังหวัดลพบุรีด้วย ซึ่งที่ลพบุรีมีพระปรางค์สามยอดเป็นโบราณสถานสำคัญสร้างขึ้นในยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งตรงกับประมาณ พ.ศ.1724-1757 ท่านเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่ง “นครธม” ของอาณาจักรเขมรที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น และฉันได้ความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาว่าในยุคนั้นพระองค์ได้ทรงโปรดให้สร้าง “บ้านมีไฟ” เป็นที่พักสำหรับคนเดินทางไว้ด้วย มีลักษณะเป็นปราสาทขนาดเล็กก่อด้วยศิลาแลงและให้จุดไฟไว้ตลอดคืน ซึ่งอนุมานได้ว่าบ้านมีไฟนี้ก็คือโรงแรมในยุคนั้นนั่นเองค่ะ มีจารึกเอาไว้ว่าบ้านมีไฟนี้ สร้างไว้ทั้งหมด 121 แห่งอยู่ตามทางเดินทั่วราชอาณาจักรไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ซึ่งหากใครอยากเห็นบ้านมีไฟหรือโรงแรมในยุคนั้นก็สามารถไปดูได้ที่โบราณสถาน “ปราสาทบ้านบุ” ตั้งอยู่ภายในเขตโรงเรียนบ้านบุวิทยาสรรค์ ต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ค่ะ
นอกเรื่องไปเสียเยอะเลยนะคะ ขอพาคุณผู้อ่านกลับเข้าสู่หัวข้อของบทความของเราอีกครั้งค่ะ ทำไมต้องเลือกพักโรงแรมแบรนด์ดัง? ความต่างระหว่างแบรนด์โรงแรมดังกับโรงแรมท้องถิ่น แรงบันดาลใจในการเขียนบทความนี้ก็เนื่องมาจากการหาโรงแรมที่พักในระหว่างที่เดินทางไปจังหวัดลพบุรีนั่นแหละค่ะ ซึ่งขอสารภาพเลยว่าการหาที่พักที่ถูกใจในจังหวัดนี้นั้นเป็นไปได้ยากจริง ๆ ค่ะ วิธีการหาที่พักของฉันก็คงเหมือน ๆ กับคนส่วนใหญ่ในยุคนี้ซึ่งก็ต้องอาศัยการพึ่งพาอาศัยข้อมูลบนเว็บไซต์ของ Agoda และ Booking เป็นหลัก และโรงแรมที่พักที่ฉันมักจะเลือกเข้าพักเสียส่วนใหญ่นั้นจะเป็นโรงแรมที่เจ้าของเป็นคนท้องถิ่นหรือโรงแรมที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง เพื่อที่ฉันจะได้นำประสบการณ์การเข้าพักมาเขียนแบ่งปันเป็นความรู้ไว้บน WWW.A-LISA.NET และนำไปสอนในชั้นเรียนของ หลักสูตร เจ้าของโรงแรม–รีสอร์ทขนาดเล็ก ใคร ๆ ก็เป็นได้
เมื่อค้นหาสถานที่ได้แล้วก็จะดูรูปภาพประกอบ ถ้าโรงแรมไหนมีรูปภาพสวยก็ย่อมได้เปรียบ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมามันก็สอนให้รู้เหมือนกันว่ารูปสวยอย่างเดียวไม่พอเพราะรูปภาพมันแต่งได้ ดังนั้นสิ่งที่จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดก็คือ รีวิวจากลูกค้านั่นเองค่ะ ซึ่งเมื่อฉันเลือกอ่านรีวิวของโรงแรมที่ฉันคัดเอาไว้ว่าภาพสวยแล้ว บางแห่งก็บอกว่าสวยแต่ไม่มีลิฟต์บ้างซึ่งก็คงไม่สะดวกสำหรับคนที่กระเป๋าเดินทางทั้งใบใหญ่แล้วก็หนักแบบของฉัน บางแห่งก็บอกว่าพนักงานบริการไม่ดีบ้าง ห้องพักไม่สะอาดบ้าง และอีกหลาย ๆ รีวิวที่ทำให้ตัดสินใจได้ยาก จนกระทั่งฉันไปเจอรูปภาพของโรงแรมแห่งหนึ่งบนเว็บไซต์ เป็นโรงแรมที่คาดว่าเจ้าของเป็นนักธุรกิจท้องถิ่น(เพื่อจรรยาบรรณที่ดี ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อโรงแรมนะคะ) เห็นว่ารูปถ่ายห้องพักสวยดี ตั้งอยู่ในทำเลที่ฉันต้องการ แต่เหตุผลในการตัดใจนั้นคือมีลิฟต์อำนวยความสะดวกด้วยจะได้ไม่ต้องยกกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ขึ้นบันได เมื่อโทรไปสอบถามพนักงานก็แจ้งว่าวันที่ฉันต้องการยังมีห้องว่างฉันจึงตกลงใจจองห้องพัก 1 คืนและเดินทางเข้าพักในเย็นวันนั้นเลย
เป็นเวลาประมาณสักบ่ายสี่โมงครึ่งที่ฉันขับรถไปถึงโรงแรมแห่งนั้น ความรู้สึกแรกที่วิ่งเข้ามาในหัวคือทำไมสถานที่จริงมันดูเก่าและโทรมไม่สวยเหมือนในรูป สงสัยรูปถ่ายที่ลงบนเว็บไซต์จะถ่ายเก็บไว้นานแล้ว ที่ลานจอดรถมีรถจอดอยู่ประมาณ 6-7 คัน เมื่อฉันขับรถเข้าไปจอดในช่องเรียบร้อยและยกกระเป๋าสัมภาระลงจากรถ จากนั้นก็จัดการลากไปยังจุด Check in มีผู้หญิงสาวหน้าตาหน้ารักพูดจายิ้มแย้มแจ่มใสดูมีอัธยาศัยดีคนหนึ่งเป็นพนักงานต้อนรับอยู่หน้าฟร้อนท์ฉันแจ้งชื่อและทำการลงทะเบียนผู้พักพร้อมทั้งจ่ายเงินค่าห้องเสร็จแล้วก็รับกุญแจห้องพร้อมกับชุดกาแฟซองสำหรับชงดื่มแล้วจึงเดินไปขึ้นลิฟต์ที่อยู่ใกล้ๆจากภาพที่เห็นทำให้รู้สึกว่าตัวอาคารโรงแรมแห่งนี้เหมือนสร้างเสร็จและเปิดดำเนินการได้ไม่กี่ปีแต่ทำไมสภาพอาคารดูเก่าและไม่สดใสเอาเสียเลย
เมื่อใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องพักก็รู้สึกว่าประตูจะฝืดเปิดยากสักนิด ฉันวางกระเป๋าและเริ่มสำรวจห้องพัก ที่นอนปูด้วยชุดเครื่องนอนสีขาวดูหมอง ๆ สักหน่อย จัดไว้ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ หมอนกับผ้าห่มเหมือนจัดอย่างลวก ๆ แต่พอเปิดประตูห้องน้ำเท่านั้นแหละถึงกับตกใจในความสกปรก กระเบื้องพื้นมีคราบและฝุ่นเกาะ คราบราตรงขอบยาแนวกระเบื้อง ชักโครกมีคราบสกปรกจับจนเป็นสีเหลือง ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่จะพักอยู่ที่ห้องนี้จึงเดินลงไปหาพนักงานต้อนรับคนเดิมเพื่อแจ้งเธอว่าห้องของฉันสกปรกมากฉันขอเปลี่ยนห้องได้ไหม เธอก็ตอบฉันด้วยความใจเย็นว่าได้ค่ะ เดี่ยวจะเปลี่ยนห้องใกล้กันให้ จากนั้นเธอก็พาฉันไปดูอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องถัดไป คุณเอ๋ย… ความสกปรกไม่ได้ต่างกันเลย ออกจะมากกว่าห้องเดิมด้วยซ้ำ เธอแก้ว่าเพราะสีกระเบื้องจึงทำให้ดูไม่ค่อยสะอาดแต่แม่บ้านก็ทำความสะอาดทุกวันนะคะ เมื่อวานก็มีคนมาพักห้องนี้เหมือนกัน ฉันจึงชี้ให้เธอดูคราบสีเหลืองสกปรกที่อยู่บนชักโครกและแจ้งเธอว่าถ้าสกปรกขนาดนี้ฉันคงไม่สะดวกใจที่จะพักที่นี่ ขอเงินคืนได้ไหม ดูเหมือนเธอจะเข้าใจจึงคืนเงินให้แบบง่าย ๆ และบอกว่าจะแจ้งให้กับเจ้าของโรงแรมทราบเพื่อบอกให้แม่บ้านดูแลความสะอาดให้ดีขึ้น
ท้ายที่สุดฉันจึงตัดสินใจโทรไปจองห้องพักที่โรงแรม Hop Inn โรงแรมบั๊ดเจทในเครือของเอราวัณกรุ๊ป ทั้งที่ตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะพักโรงแรมของคนในท้องที่ ซึ่งก็ได้รับบริการที่ดูเป็นรูปแบบมืออาชีพ เพราะแค่เพียงแจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่เราเคยใช้ตอน Check in ครั้งแรก พนักงาน Call Center ก็สามารถตรวจสอบข้อมูลและทำเรื่องจองห้องพักให้ได้ทันทีและมีข้อความยืนยันการจองส่งมาให้ทางข้อความที่โทรศัพท์มือถือของเรา เมื่อฉันเดินทางไปถึงโรงแรมหลังจากแจ้งชื่อและทำการ Check in เรียบร้อยแล้วก็ตรงไปยังห้องพักทันที ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยสำหรับห้องพักราคา 600 บาท เพราะห้องพักสะอาดสะอ้านดี ที่นอนจัดไว้อย่างเรียบร้อย ใช้ชุดเครื่องนอนสีขาวลายริ้วซาตินทำให้ที่นอนดูเรียบหรูขึ้น มีผ้าเช็ดตัวสองผืนพับไว้บนที่นอนแต่ไม่มีผ้าเช็ดผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นตามรูปแบบของโรงแรมบั๊ดเจทที่มีให้แต่เฉพาะอุปกรณ์ของใช้ที่จำเป็นเท่านั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่พิเศษกว่านั้นคือ บนผ้าเช็ดตัวมีการ์ดเล็กแผ่นหนึ่งวางอยู่ ซึ่งเมื่อหยิบขึ้นมาอ่านแล้วก็ทำให้เกิดความประทับใจถึงความใส่ใจของโรงแรม ที่เกาะกระแสในช่วงที่โรคไวรัส Covid-19 กำลังระบาดซึ่งทำให้ลูกค้าที่เข้าพักรู้สึกว่านอกจากความสะอาดที่สัมผัสได้จากห้องพักแล้ว ยังมีความใส่ใจจากพนักงงานของโรงแรมที่ยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าห้องพักนี้มีการทำความสะอาดและปลอดภัยจากเชื้อโรคจริงๆ เหมือนมีแม่บ้านส่วนตัวมาคอยดูแลให้เลยทีเดียว จนรู้สึกว่าถ้ามาลพบุรีครั้งหน้าก็คงต้องกลับมาพักที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน
และนี่คือความแตกต่างระหว่างแบรนด์โรงแรมดังกับโรงแรมท้องถิ่นที่ฉันได้รับประสบการณ์มาด้วยตัวเองค่ะ จึงอยากนำมาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านที่กำลังคิดจะเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมหรือเป็นเจ้าของโรงแรมอยู่แล้วได้เห็นตัวอย่างของความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาพัก เราอาจไม่ใช่โรงแรมใหญ่โตอะไรค่ะแต่อาจเป็นโรงแรมที่พักเล็ก ๆ ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับลูกค้าของเราได้ค่ะ แล้วแบบนี้ลูกค้าของคุณจะหนีไปไหนเสียได้ ใช่หรือเปล่าค่ะ?








“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ขอให้ทุกท่านจงสร้างธุรกิจโรงแรมที่ดี มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของเรา
หากคุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อด้วยนะคะ
มาร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันกับหลักสูตร เจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทขนาดเล็ก ใคร ๆ ก็เป็นได้
คอร์สอบรมที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมได้ ภายใน 2 วัน
หนังสือที่คนอยากทำธุรกิจโรงแรมต้องอ่าน!!!
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
มาเป็นเพื่อนกับเราทางไลน์!!!
ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ
